นักเศรษฐศาสตร์ 300 คนได้รวมตัวกันเรียกร้องให้บรรดาผู้นำโลกยุติการใช้บางประเทศ หรือดินแดนบางแห่งเป็นแหล่งหลบเลี่ยงภาษี เนื่องจากจะสร้างประโยชน์ให้แก่คนร่ำรวยบางกลุ่ม และองค์กรบางแห่ง และส่งผลให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันมากขึ้นในสังคม
ทั้งนี้ กลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ดังกล่าว ได้ระบุในจดหมายว่า ประเทศที่ยากจนได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการหลบเลี่ยงภาษี โดยสูญเสียภาษีที่ควรได้ถึง 1.7 แสนล้านดอลลาร์ในแต่ละปี ขณะที่ไม่มีเหตุผลทางด้านเศรษฐกิจที่สนับสนุนการตั้งแหล่งหลบเลี่ยงภาษี และพวกเขายังเรียกร้องให้ผู้นำของโลกสร้างความโปร่งใสต่อประเด็นดัวกล่าว
ทางด้านสมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ (International Consortium of Investigative Journalists - ICIJ) ประกาศว่า ทางสมาคมจะเปิดเผยรายชื่อบริษัท, องค์กร และบุคคล ราว 200,000 รายชื่อที่เป็นลูกค้าของบริษัท มอสแซค ฟอนเซกา ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษากฎหมายในปานามา ทางเว็บไซต์ของ ICIJ ในคืนนี้เวลา 01.00 น. ตามเวลาไทย
ข้อมูลดังกล่าวจะรวมถึงลูกค้าของบริษัทมอสแซคในประเทศ และดินแดนต่างๆ รวม 21 แห่ง แต่จะไม่มีการเปิดเผยบัญชีธนาคาร หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมล์
การรั่วไหลของข้อมูลดังกล่าว ซึ่งเรียกกันว่า "ปานามา เปเปอร์" หรือ "ปานามา ลีกส์" ถือเป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่สุดที่สื่อมวลชนทั่วโลกทำการเผยแพร่ โดยมากกว่าเมื่อครั้งที่นายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตพนักงานชั่วคราวของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ ออกมาเปิดโปงเมื่อปี 2013 และมากกว่าข้อมูลลับเกี่ยวกับการสนทนาทางการทูตขนาด 1.7 กิกะไบต์ที่เว็บไซต์วิกิลีกส์เผยแพร่เมื่อปี 2010
นอกจากนี้ หากนับจำนวนหน้าเอกสารแล้ว “ปานามา เปเปอร์" ก็มากที่สุดเช่นกันด้วยจำนวนหน้าเอกสาร 195 ล้านหน้า เทียบกับข้อมูลที่นายสโนว์เดนเปิดโปง 4.5 ล้านหน้า ส่วนวิกิลีกส์อยู่ที่ 127,500 หน้า และเหตุการณ์แฉข้อมูลลับด้านกลาโหมของสหรัฐเมื่อปี 1971 อยู่ที่ 7,000 หน้า
มอสแซค เป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าสำหรับการจัดตั้งบริษัทเงาขึ้นมาบังหน้าธุรกรรมสีเทา โดยเลือกที่จะตั้งอยู่ในดินแดนที่อยู่นอกอาณาเขตของประเทศลูกค้า ซึ่งเป็นแดนสวรรค์สำหรับการหลบเลี่ยงภาษี หรือทำการฟอกเงิน ซึ่งได้แก่ หมู่เกาะเคย์แมน หรือเกาะบริติช เวอร์จิน หรือในปานามาเอง