ผลสำรวจชี้ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในยุโรปยังคงเพิ่มสูงขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 12, 2016 11:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผลสำรวจพบว่าผู้นำด้านการเงินส่วนใหญ่ในภาคธุรกิจยุโรปมองว่าสภาวะเศรษฐกิจและการเงินในยุโรปนั้นมีความไม่แน่นอนสูง

ผลสำรวจความเห็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินในช่วงไตรมาส 1 ปี 2559 ของดีลอยท์ บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน พบว่าบรรดาประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน 68% ในภาคธุรกิจมองว่าสภาวะเศรษฐกิจและการเงินในยุโรปมีความไม่แน่นอนสูง โดยผลสำรวจครั้งนี้มีตัวเลขสูงกว่าผลสำรวจในไตรมาสที่ 3 ของปี 2558 ซึ่งอยู่ที่ 66%

ความไม่เชื่อมั่นดังกล่าวพบมากที่สุดในกลุ่มประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินในเยอรมนีคิดเป็นจำนวนสูงถึง 93% รองลงมาคือสหราชอาณาจักรคิดเป็น 83% และรัสเซียอยู่ที่ 72% อย่างไรก็ตาม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินที่มองว่ามีความไม่แน่นอนในระดับต่ำสุด ได้แก่ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินในนอร์เวย์ คิดเป็น 24% ตามมาด้วยสวีเดน (37%) และเบลเยียม (49%)

นอกจากนี้ การเลือกตั้งในสเปนและไอร์แลนด์ที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดเมื่อไม่นานมานี้ยังได้ทำให้จำนวนภาคธุรกิจของทั้ง 2 ประเทศเห็นถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมากขึ้น โดยในสเปนที่จากเดิมมีภาคธุรกิจที่ไม่มั่นใจในเศรษฐกิจเพียง 52% กลับเพิ่มขึ้นเป็น 66% และในไอร์แลนด์ที่อยู่ที่ 52% เพิ่มขึ้นมา 13% เช่นเดียวกันกับในสหราชอาณาจักรที่ความไม่เชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจนั้นเพิ่มมาขึ้น 10% ในช่วงก่อนการลงประชามติในวันที่ 23 มิ.ย. นี้ว่าด้วยสมาชิกภาพของสหราชอาณาจักรในสหภาพยุโรป

ทั้งนี้ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินจากภาคธุรกิจในเยอรมนี, โปรตุเกส, ตุรกีและสหราชอาณาจักร ต่างเห็นตรงกันว่าปัจจัยทางการเมืองทั้งในและต่างประเทศเป็นประเด็นสำคัญในการที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินยังคงคาดการณ์ว่าตัวเลขอัตราการจ้างงานในกลุ่มยูโรโซนจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 39% จากเดิมอยู่ที่ 35% ในไตรมาสที่ 3 โดยมีไอร์แลนด์มาเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 68% เพิ่มขึ้นจาก 55% ในไตรมาสที่3 ตามมาด้วยอิตาลีที่เพิ่มขึ้นเป็น 54% จาก 43% และสเปนที่ตัวเลขการคาดการณ์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 46%

แต่สำหรับสหราชอาณาจักรแล้วตัวเลขคาดการณ์ของอัตราการจ้างงานกลับร่วงลงอย่างน่าตกใจ โดยมีประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินในสหราชอาณาจักรเพียงแค่ 18% เท่านั้นที่มีแผนจ้างงานเพิ่ม ลดลงจากในไตรมาสที่ 3 ซึ่งอยู่ 47%

ผลสำรวจครั้งนี้มาจากการประเมินความคิดเห็นของประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินทั้งสิ้น 1,490 รายในช่วงม.ค. - มี.ค 2559


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ