องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ออกรายงานเตือนว่า การขาดแคลนอาชีพที่มีคุณภาพและภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ อาจทำให้ความพยายามในการขจัดปัญหาความยากจนในหลายปีที่ผ่านมานั้น ต้องสูญเปล่า
รายงานแนวโน้มสังคมและการจ้างงานโลกปี 2559 (World Employment and Social Outlook 2016) ของ ILO ระบุว่า กว่า 36% ของประชากรในประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนานั้น ยังคงยากจนและมีรายรับต่อวันน้อยกว่า 3.10 ดอลลาร์
องค์การแรงงานระหว่างประเทศคาดการณ์ว่า หากจะทำให้ความยากจนระดับปานกลางไปจนถึงระดับรุนแรงทั่วโลกหมดไปภายในปี 2573 ก็จำเป็นต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น 6 แสนล้านดอลลาร์ต่อปีหรือคิดเป็น 10 ล้านล้านดอลลาร์ตลอดระยะเวลาแก้ปัญหา 15 ปี
ในปัจจุบัน การแก้ปัญหาความยากจนนั้น นอกจากจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอแล้วยังรวมถึงอุปสรรคด้านโครงสร้างของการจ้างงานที่มีคุณภาพ
ผลสรุปจากรายงานระบุว่า ปัญหาความยากจนที่เรื้อรังนั้นไม่สามารถกำจัดให้หมดไปโดยการถ่ายโอนรายได้เพียงอย่างเดียว หากแต่การเพิ่มขึ้นด้านจำนวนและคุณภาพของอาชีพก็เป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาความยากจนเช่นกัน
องค์การแรงงานระหว่างประเทศคาดว่าตัวเลขความยากจนที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมาเป็นผลมาจากการเติบโตที่คงที่ของเศรษฐกิจโลก โดยปัจจุบันจำนวนคนยากจนระดับรุนแรงในประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาจำนวน 107 ประเทศลดลงจาก 46.9% ในปี 2533 เหลือเพียง 15%
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัญหาความยากจนจะลดลงอย่างรวดเร็วในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ระดับกลางโดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แต่อัตราความยากจนในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ระดับต่ำยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 47.2%
รายงานยังระบุว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วกลับมีอัตราความยากจนเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป