แถลงการณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีจีน นำโดยนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การปรับลดกำลังการผลิตเหล็กกล้าและถ่านหินในปีนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จ ในขณะที่ยังมีปัญหาอื่นๆบ้าง เช่น การพัฒนาที่ไม่เท่าเทียม และการพยายามเพิ่มกำลังการผลิตของบริษัทบางแห่ง
จีนเป็นประเทศผู้ผลิตและบริโภคเหล็กกล้าและถ่านหินรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยการปรับลดกำลังการผลิตส่วนเกินเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากอุตสาหกรรมทั้งสองประเภทนี้ถือเป็นปัจจัยหลักที่คอยฉุดรั้งการการเติบโตทางเศรษฐกิจ
รัฐบาลได้ตั้งเป้าปรับลดกำลังการผลิตเหล็กกล้าลง 100 - 150 ล้านตันภายในปี 2563 ซึ่งรวมเป้าหมายในปีนี้ที่ 45 ล้านตัน ขณะที่เป้าหมายการปรับลดการผลิตถ่านหินในปีนี้อยู่ที่ 250 ล้านตัน
ในแถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า ขั้นตอนต่อไปหลังสามารถบรรลุตามเป้าหมายในปีนี้ก่อนกำหนด คือการสร้างความมั่นใจว่ามาตรการของรัฐบาลนั้นมีประสิทธิภาพ โดยทางคณะรัฐมนตรีจะส่งผู้ตรวจสอบลงไปยังพื้นที่มณฑลเหอเป่ยและเจียงซู ที่มีรายงานว่ามีการลักลอบเพิ่มกำลังการผลิต
ภายในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มาตรการของรัฐบาลจีนได้ทำให้ราคาของเหล็กกล้าและถ่านหินฟื้นตัวขึ้น
ทั้งนี้ ในแถลงการณ์ได้มีการขอให้หน่วยงานรัฐในท้องถิ่นให้การสนับสนุนด้านการเงินและจัดหางานให้แก่แรงงานที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐบาล โดยในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 1 แสนล้านหยวน (1.45 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อช่วยเหลือเยียวยาบริษทเหล็กกล้าและถ่านหินในการจ่ายเงินชดเชยให้แก่แรงงานที่ถูกปลดออกจากงาน
นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ยังสนับสนุนให้มีการควบรวมและเข้าซื้อกิจการในอุตสาหกรรมทั้ง 2 ประเภทอีกด้วย