ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เริ่มมีท่าทีระมัดระวังมากขึ้น หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้มีถ้อยแถลงผ่านทางทวิตเตอร์ ก่อนที่แบงก์ชาติญี่ปุ่นจะประชุมนโยบายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่นายทรัมป์ดำรงตำแหน่ง เนื่องจากเกิดความวิตกกังวลที่ว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวอาจทำให้ญี่ปุ่นไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% เพื่อที่จะทำให้ประเทศหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืดซึ่งยืดเยื้อมาเป็นเวลาหลายทศวรรษได้
เหล่าเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางญี่ปุ่นต่างวิตกกังวลกันมากขึ้นว่า ปธน.ทรัมป์อาจจะออกมาวิจารณ์ว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศปั่นค่าเงิน ภายหลังไม่นานมานี้ญี่ปุ่นได้ออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน ซึ่งมีเป้าหมายที่จะลดค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
นักเศรษฐศาสตร์บางรายมองว่า เมื่อเผชิญกับนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" ของปธน.ทรัมป์ ซึ่งอาจมีเป้าหมายที่การลดค่าเงินดอลลาร์เพื่อกระตุ้นการส่งออกของสหรัฐ ทางธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจต้องยุติการผ่อนคลายนโยบายการเงินที่ได้ดำเนินการมาเป็นเวลาหลายปี และเริ่มลดขนาดการผ่อนคลายภายในปีนี้
มาซาโนบุ อิชิกาวา ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายปริวรรตเงินตราสปอตของโตเกียวฟอเร็กซ์ แอนด์ อูเอดะ ฮาร์โลว์ กล่าวว่า "ขณะนี้ BOJ กำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากปธน.ทรัมป์"
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้กล่าวไว้ว่า รัฐบาลสหรัฐระบุข้อกำหนดเพื่อป้องกันการปั่นค่าเงิน ในการทำข้อตกลงการค้าระดับทวิภาคีทุกฉบับในอนาคต
ปธน.ทรัมป์ ได้มีถ้อยแถลงดังกล่าว หลังจากที่ญี่ปุ่นได้ประกาศใช้นโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน "yield curve control" ซึ่งมีเป้าหมายที่จะรักษาระดับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีให้อยู่ที่ระดับ 0% ด้วยการปรับวงเงินซื้อพันธบัตร
มาริ อิวาชิตะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ตลาดประจำเอสเอ็มบีซี เฟรนด์ ซิเคียวริตีส์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่ว่า ปธน.ทรัมป์จะ "วิจารณ์ BOJ" ด้วยการอ้างว่า นโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นนั้น "ก่อให้เกิด" การอ่อนค่าของเงินเยน
โดย โทโมยุกิ ทาชิกาวา จากสำนักข่าวเกียวโดรายงาน