ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ได้ลงนามในร่างกฎหมายเพื่อเพิกถอนกฎเกณฑ์ที่กำหนดให้บริษัทพลังงานของสหรัฐต้องเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับการชำระเงินให้รัฐบาลสหรัฐหรือรัฐบาลต่างประเทศในโครงการพัฒนาแหล่งน้ำมัน ซึ่งนับเป็นความพยายามของนายทรัมป์ในการเดินหน้าผ่อนคลายกฎระเบียบที่เข้มงวดอันเป็นผลมาจากกฎหมายดอดด์-แฟรงค์ ที่บังคับใช้ในสมัยของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
ปธน.ทรัมป์ กล่าวในพิธีลงนามในร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว พร้อมด้วยนาย พอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนาย เจบ เฮนซาร์ลิง ประธานคณะกรรมาธิการด้านการเงินของสภาผู้แทนราษฎร โดยทรัมป์กล่าวว่า "การลงนามในร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ และมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง"
ทั้งนี้ กฎเกณฑ์ดังกล่าวกำหนดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ภายใต้กฎหมายดอดด์-แฟรงค์ ปี 2010 ซึ่งกำหนดให้บริษัทพลังงานที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ ต้องรายงานการนำส่งค่าภาคหลวง หรือเงินภาษีที่รัฐเรียกเก็บเป็นค่าสิทธิในสัมปทาน (Royalties) รวมถึงการชำระเงินให้รัฐบาลประเทศต่างๆที่เกี่ยวข้องกับโครงการน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน รวมถึงการทำเหมืองอื่นๆ
ที่ผ่านมานั้น นักการเมืองพรรครีพับลิกันและบริษัทพลังงานของสหรัฐหลายแห่ง ต่างก็โต้แย้งว่า กฎเกณฑ์ดังกล่าวทำให้บริษัทของสหรัฐเสียเปรียบบริษัทคู่แข่งในต่างประเทศ โดยหนึ่งในผู้ที่คัดค้านอย่างหนักก็คือ นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศคนปัจจุบันของสหรัฐ เมื่อสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งซีอีโอของบริษัทเอ็กซอน โมบิล
อย่างไรก็ตาม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสังกัดพรรคเดโมแครตหลายคนได้วิพากษ์วิจารณ์ว่า การล้มเลิกกฎเกณฑ์ดังกล่าว อาจทำให้เม็ดเงินของประชาชนและนักลงทุนสหรัฐ "ไปตกอยู่ในกระเป๋าของกลุ่มคนต่างชาติที่ทุจริต" สำนักข่าวซินหัวรายงาน