ผลเอ็กซิตโพลล์ชี้ พรรค VVD ของนายมาร์ค รุตเต นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ สามารถกวาดที่นั่งได้มากที่สุดในศึกเลือกตั้งเนเธอร์แลนด์ โดยสามารถกวาดที่นั่งไปได้ 31 ที่นั่ง จากทั้งหมด 150 ที่นั่ง แซงหน้าพรรคการเมืองคู่แข่งอย่างพรรค PVV ของนายเกิร์ต ไวล์เดอร์ส รวมทั้งพรรค CD และพรรค D66 ที่กวาดที่นั่งไปได้เพียงพรรคละ 19 ที่นั่งเท่านั้น
ส่วนพรรค GroenLinks ได้ไป 16 ที่นั่ง ตามมาด้วยพรรค Socialist Party ได้ไป 14 ที่นั่ง และพรรค PvdA อีก 9 ที่นั่ง
การที่พรรค VVD สามารถเอาชนะพรรค PVV ได้นั้น หมายความว่า ประชาชนชาวดัตช์ได้ปฏิเสธที่จะให้อำนาจต่อพรรคขวาจัดที่ชูนโยบายประชานิยม
ทั้งนี้ หลังจากผลการลงประชามติของอังกฤษและชัยชนะของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐแล้ว หากพรรค PVV ได้รับชัยชนะ ก็คงเป็นการสานต่อกระแสประชานิยมในยุโรป ทั้งยังเป็นปัจจัยชี้วัดทิศทางการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงในฝรั่งเศสและเยอรมนีด้วย
"นับตั้งแต่ผลการลงประชามติของอังกฤษและชัยชนะของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งปธน.สหรัฐ ทุกคนก็จับตาดูเรา" นายมาร์ค รุตเต กล่าวต่อกลุ่มผู้สนับสนุนในที่ประชุมพรรคหลังทราบผลเอ็กซิตโพลล์ "เย็นนี้ชาวดัตช์ได้แสดงจุดยืนไม่เอาลัทธิประชานิยมแบบผิดๆ"
ถ้อยแถลงดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากนายอเล็กซานเดอร์ เพชโทลด์ ผู้นำพรรค D66 ซึ่งกล่าวว่า "เสียงแห่งลัทธิประชานิยมได้สิ้นสุดลงแล้วในเนเธอร์แลนด์" ขณะที่นายเจสซี คลาเวอร์ ผู้นำพรรค GroenLinks กล่าวว่า "ลัทธิประชานิยมไม่ได้มีความก้าวหน้าในเนเธอร์แลนด์"
ในฐานะที่กวาดที่นั่งได้มากที่สุด พรรค VVD ก็จะมีสิทธิในการจัดตั้งรัฐบาลผสม โดยเมื่อพิจารณาจากผลเอ็กซิตโพลล์แล้ว นายมาร์ค รุตเต จำเป็นต้องจัดตั้งคณะรัฐมนตรีร่วมกับพรรคอื่นๆ
นอกจากนี้ ผลเอ็กซิตโพลล์ยังชี้ว่า พรรค Labor ซึ่งได้ร่วมก่อตั้งรัฐบาลผสมชุดปัจจุบันกับพรรค VVD ประสบกับความพ่ายแพ้มากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยได้เสียที่นั่งไปถึง 29 ที่นั่ง เมื่อเทียบกับเมื่อช่วง 4 ปีครึ่งที่ผ่านมา