Spotlight: ผู้นำยุโรปผนึกกำลังสามัคคี หลัง "เทราซา เมย์" ประกาศใช้มาตรา 50 เริ่มกระบวนการ Brexit

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 30, 2017 11:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ประวัติศาสตร์การเมืองยุโรปดำเนินมาถึงช่วงเวลาสำคัญเมื่อวานนี้ หลังจากที่นายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป ได้รับหนังสือจากรัฐบาลอังกฤษเพื่อขอประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอน ในการเริ่มกระบวนการเจรจาแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างเป็นทางการ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในหนังสือแจ้งความจำนงฉบับดังกล่าวซึ่งมีความยาว 6 หน้า ได้แจ้งต่อนายทัสค์ว่า "รัฐบาลอังกฤษได้ดำเนินการตามเจตนารมณ์ของประชาชนชาวสหราชอาณาจักร ตามวิถีแห่งประชาธิปไตย จากการที่ได้ลงประชามติ Brexit เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ปีที่ผ่านมา และขอย้ำว่านี่ไม่ใช่การปฏิเสธคุณค่าที่มีร่วมกันระหว่างอังกฤษกับชาติสมาชิก 27 ประเทศที่เหลือใน EU"

ความสัมพันธ์รูปแบบพิเศษ

ในหนังสือแจ้งความจำนงของนางเมย์ มีการเสนอแนะหลักการของเจรจา Brexit หลังจากนี้ โดยเน้นย้ำว่า อังกฤษคาดหวังที่จะสร้างความสัมพันธ์ในรูปแบบที่พิเศษและมีความแนบแน่นกับสหภาพยุโรปในอนาคต นอกจากนี้ ยังแสดงความปรารถนาที่จะกระชับความร่วมมือกับ EU ในทุกมิติ ซึ่งรวมไปถึงประเด็นที่สร้างความวิตกในระดับนานาชาติ เช่น การปราบปรามอาชญากรรมและการต่อสู้กับภัยก่อการร้าย

"ดิฉันทราบว่า เราสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้เกี่ยวกับสิทธิพลเมืองและพันธกรณีของชาวสหราชอาณาจักร ในระหว่างที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปและเริ่มสถาปนาความสัมพันธ์ที่พิเศษและแน่นแฟ้นระดับทวิภาคีขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ความมั่นคง และดำรงไว้ซึ่งความเป็นมหาอำนาจระดับโลกของทวีปเรา" นายกฯเมย์ระบุในหนังสือแจ้งความจำนงดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ผู้นำในยุโรปต่างแสดงความไม่พอใจกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ พร้อมกับแสดงความกังวลว่านี่เป็นครั้งแรกที่ชาติสมาชิกต้องการแยกตัวออกจาก EU หลังจากที่อังกฤษเป็นประเทศสมาชิกมายาวนาน 60 ปี นับตั้งแต่ที่ได้ร่วมก่อตั้งประชาคมเศรษฐกิจยุโรป (EEC)

นายทัสค์ ระบุในแถลงการณ์หลังจากที่ได้รับหนังสือแจ้งความจำนงของรัฐบาลอังกฤษ ว่า "ไม่มีเหตผลอะไรที่เราจะเสแสร้งทำเป็นว่าวันนี้เป็นวันที่มีความสุข ไม่ว่าจะในกรุงบรัสเซลส์ หรือในลอนดอนก็ตาม เพราะชาวยุโรปส่วนใหญ่ ซึ่งรวมถึงชาวอังกฤษเกือบครึ่งที่มีความปรารถนาว่าเราจะได้อยู่ด้วยกัน และไม่แยกจากกัน ซึ่งสำหรับผมแล้ว ผมจะไม่เสแสร้งทำเป็นมีความสุขในวันนี้"

ขณะที่นายอันโตนิโอ ทาจานี ประธานรัฐสภายุโรป กล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า "ถึงแม้ว่าเราจะยอมรับในเจตนารมณ์ของประชาชนตามวิถีของประชาธิปไตย แต่วันนี้ไม่ใช่วันที่ดีสำหรับยุโรป"

ส่วนนายกาย เวอร์ฮอฟสตัดท์ หัวหน้าคณะเจรจา Brexit ของรัฐสภายุโรป ได้แสดงความเห็นว่า การแยกตัวจาก EU ของอังกฤษ เป็นเรื่องที่ "ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและน่าเศร้า"

EU แสดงความเป็นเอกภาพ

ผู้นำ EU ได้แสดงความสามัคคีกันก่อนหน้าการเจรจา Brexit ซึ่งตามกฎหมายแล้ว การเจรจาจะต้องได้ข้อสรุปภายในเวลา 2 ปี

"ในการเจรจาต่างๆหลังจากนี้ สหภาพยุโรปจะแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและจะปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มอย่างเต็มที่ สิ่งสำคัญอันดับแรกของเราในตอนนี้ก็คือ การลดผลกระทบจากความไม่แน่นอนที่เป็นผลพวงจากการตัดสินใจของสหราชอาณาจักร ที่มีต่อประชาชน ภาคธุรกิจและประเทศสมาชิกของ EU ดังนั้น เราจะเริ่มต้นด้วยการวางแนวทางสำหรับ Brexit ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย" " แถลงการณ์จากคณะมนตรียุโรประบุ

ขณะที่นายทัสค์ระบุในแถลงการณ์ว่า "Brexit ทำให้พวกเรา ซึ่งเป็นกลุ่มประชาคม 27 ประเทศ มีความแน่วแน่และสมัครสมานสามัคคีกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ซึ่งหมายความว่า ทั้งผมและคณะกรรมาธิการยุโรปมีอำนาจเต็มที่ในการพิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติสมาชิก 27 ประเทศ"

"การแยกตัวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ถือเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการวางรากฐานความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรต่อไปในอนาคต และนี่เป็นเรื่องที่จะต่อรองไม่ได้" นายเทจานี กล่าวภายหลังการประชุมรัฐสภายุโรป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ