เฟซบุ๊ก อิงค์ ผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียรายใหญ่ของโลก เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกของปีนี้ โดยระบุว่า กำไรสุทธิพุ่งขึ้น 76.6% เทียบรายปี สู่ระดับ 3.06 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันเนื่องจากบริษัทมีรายได้จากยอดขายโฆษณาบนมือถือที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ส่วนรายได้ในไตรมาสแรก เพิ่มขึ้น 49% สู่ระดับ 8.03 พันล้านดอลลาร์
สำหรับรายได้จากการโฆษณาอยู่ที่ระดับ 7.86 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ โดยในจำนวนนี้เป็นรายได้จากการโฆษณาซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 85% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 82% ในไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว
ขณะที่จำนวนผู้ใช้รายเดือนเพิ่มขึ้น 17% เทียบรายปี สู่ระดับ 1.94 พันล้านคน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.91 พันล้านคน
ทั้งนี้ เฟซบุ๊กเดินหน้าปรับปรุงบริการให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อดึงดูดผู้ใช้งานให้เข้าเฟสบุ๊กเป็นประจำ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟซบุ๊กจะทำรายได้จากโฆษณาบนมือถือเป็นเงิน 3.194 หมื่นล้านดอลลาร์ฐในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 42.1% เทียบรายปี
นอกจากนี้ เฟซบุ๊กมีแผนที่จะว่าจ้างพนักงานเพิ่มอีก 3,000 คนในปีหน้า เพื่อตรวจสอบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมจากการส่งวิดีโอ หรือการส่งข้อความที่ผู้ใช้บริการโพสต์ลงในเพจของตน หลังจากที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความล่าช้าในการถอดวิดีโอที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมในบริการของเฟซบุ๊ก
การจ้างพนักงานอีก 3,000 คนดังกล่าว ถือเป็นการเพิ่มจำนวนพนักงานนอกเหนือจาก 4,500 คนที่เฟซบุ๊กมีในขณะนี้เพื่อตรวจสอบเนื้อหาเกี่ยวกับการก่ออาชญากรรม และเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมอื่นๆ
นายมาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเฟซบุ๊ก กล่าวว่า บริษัทกำลังดำเนินการเพื่อให้มีการรายงานเกี่ยวกับวิดีโอที่ไม่เหมาะสมได้ง่ายขึ้น เพื่อที่ทางบริษัทจะดำเนินการได้เร็วขึ้นในการถอดเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมดังกล่าว หรือให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ