นักลงทุนในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้านั้น เริ่มลดน้อยลง หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลที่ว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ อาจจะส่งผลให้การผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องสะดุดลง
ทั้งนี้ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 64.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 เดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงจากระดับ 90% ก่อนหน้านี้
ความวิตกกังวลด้านการเมืองในสหรัฐมีขึ้นหลังจากที่ปธน.ทรัมป์สั่งปลดนายเจมส์ โคมีย์ พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ซึ่งทำให้มีการมองกันว่า ปธน.ทรัมป์กำลังแทรกแซงการทำงานของ FBI
นอกจากนี้ สื่อรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้สั่งการให้นายโคมีย์ยุติการสอบสวนประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างนายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ กับรัฐบาลรัสเซีย ก่อนที่นายโคมีย์จะถูกปลดจากตำแหน่ง