ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้ให้คำมั่นว่าจะจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่รัฐ เท็กซัสและหลุยเซียนา หลังถูกพายุเฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์" พัดถล่มอย่างหนักจนเกิดอุทกภัยอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในเมืองฮุสตัน ซึ่ง เป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐ
ปธน.ทรัมป์กล่าวในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวว่า "กระบวนการฟื้นฟูและบูรณะเมืองที่ประสบภัยพิบัติจะต้องใช้เวลาอีก ยาวนาน แต่เจ้าหน้าที่รัฐก็พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ด้วยความเต็มใจ"
ทั้งนี้ พายุฮาร์วีย์ได้อ่อนกำลังลงจากพายุเฮอร์ริเคนระดับ 4 เป็นพายุโซนร้อนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่อิทธิพลของพายุยัง คงส่งผลให้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของรัฐเท็กซัส หลังพายุลูกดังกล่าวได้เคลื่อนตัวขึ้นบกเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ขณะที่ทางการได้ประกาศภาวะฉุกเฉินใน 50 เทศมณฑลของรัฐเท็กซัส และบางส่วนของรัฐลุยเซียนา
ทรัมป์ ซึ่งรับมือกับภัยพิบัติธรรมชาติครั้งรุนแรงครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐนั้น ได้ให้คำมั่นที่จะ ช่วยเหลือประชาชนในรัฐเท็กซัสและลุยเซียนาอย่างเต็มที่ โดยเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งอนุมัติงบประมาณช่วยเหลือมูลค่า หลายพันล้านดอลลาร์ แม้ว่าเขาจะมีความบาดหมางกับสมาชิกสภาคองเกรสหลายคนทั้งจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันของ เขาก็ตาม
"เราคาดหวังว่า คำร้องขอของเราจะพร้อมอยู่บนโต๊ะโดยเร็วที่สุด เราคิดว่ารัฐสภาจะมีความรู้สึกแบบเดียวกับที่ผมรู้สึก และ ผมคิดว่าจะเป็นการดีที่สุด หากคุณได้รับความช่วยเหลือตามที่คุณต้องการภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว"
ปธน.ทรัมป์ ซึ่งมีกำหนดเดินทางถึงพื้นที่ประสบภัยในรัฐเท็กซัสในวันนี้ กล่าวว่า เขาจะเดินทางกลับมารัฐดังกล่าวอีกครั้งใน วันเสาร์นี้ และจะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประสบภัยในรัฐลุยเซียนาด้วย โดยก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้ลงนามในประกาศภาวะฉุกเฉินของ สองมลรัฐดังกล่าว ซึ่งอนุญาตให้รัฐสามารถใช้ทรัพยากรของรัฐบาลในการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ และเปิดทางให้นายบล็อค ลอง ผู้อำนวยการสำนักงานจัดการภาวะฉุกเฉินส่วนกลาง (FEMA) ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ
ภัยพิบัติจากพายุเฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์" ถือเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับรัฐบาลทรัมป์ในการฟื้นฟูและบูรณะเมืองต่างๆ ซึ่ง คาดว่าต้องใช้เวลานานหลายปี โดยจนถึงขณะนี้ อุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 7 รายในรัฐเท็กซัส นอกจากนี้ ยังมีประชาชนกว่า 30,000 คนต้องไร้ที่อยู่อาศัย ขณะที่นักวิเคราะห์ได้ประเมินมูลค่าความเสียหายไว้ ที่ 1-2 หมื่นล้านดอลลาร์