Economic Watch: นักเศรษฐศาสตร์ชี้เงินหยวนแข็งค่าเป็นสาเหตุฉุดยอดส่งออกจีนชะลอตัว

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 11, 2017 14:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักเศรษฐศาสตร์ได้แสดงความเห็นว่า ยอดส่งออกเดือนส.ค.ของจีนที่ขยายตัวช้าลงอย่างมากนั้น มีสาเหตุมาจากการแข็งค่าของเงินหยวน และผลกระทบที่เกิดจากปัจจัยสะสม

สำนักงานศุลกากรีจีนเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ยอดส่งออกเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 6.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงหลังจากที่พุ่งขึ้น 11.2% ในเดือนก.ค. ขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 14.7% ในเดือนก.ค. ทั้งนี้ การชะลอตัวลงอย่างมากของยอดส่งออกนั้น ส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าเดือนส.ค.ของจีนร่วงลง 14% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 2.86 แสนล้านหยวน (4.4 หมื่นล้านดอลลาร์)

ส่วนในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ยอดส่งออกปรับตัวขึ้นเพียง 13% เทียบรายปี ขณะที่ยอดนำเข้าพุ่งขึ้น 22.5% ส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าของจีนในช่วงเวลาดังกล่าว ร่วงลง 15%

นายไป๋ หมิง นักวิจัยจากสถาบันความร่วมมือด้านการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศของจีน กล่าวว่า การขยายตัวด้านการค้าที่ชะลอตัวลงในเดือนส.ค.นั้น มีสาเหตุมาจากเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้นเป็นเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเงินหยวนแข็งค่าขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ อันเนื่องมาจากดอลลาร์อ่อนค่าลง และเศรษฐกิจจีนมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ค่ากลางของเงินหยวนนั้นแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 6.5032 หยวนต่อดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นับเป็นสถิติที่แข็งค่าที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2559

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายรายระบุว่า การแข่งขันระหว่างประเทศ และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในด้านการลงทุนของนักลงทุนต่างชาตินั้น เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ยอดการส่งออกของจีนชะลอตัวลง

"บริษัทต่างชาติได้เข้ามาลงทุนมากขึ้นในอุตสาหกรรมการบริการของจีน ซึ่งเป็นปัจจัยที่เข้ามาสนับสนุนผู้บริโภคในประเทศ ไม่ได้ช่วยให้ปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด โดยรูปแบบการลงทุนเช่นนี้เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้มูลค่าการค้าของจีนทรุดฮวบลง" นายไป๋กล่าว โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่า ยอดขาดดุลการค้าด้านการบริการของจีนในช่วง 7 เดือนแรกของจีน มีมูลค่าสูงถึง 1.04 ล้านล้านหยวน

อย่างไรก็ตาม นายไป่คาดว่า แรงกดดันที่เกิดจากการแข็งค่าของเงินหยวนนั้น จะบรรเทาลง และคาดว่า การขยายตัวของมูลค่าการค้าต่างประเทศ จะมีเสถียรภาพ เมื่อพิจารณาจากภาพรวม

ทางด้านนายหลิว ลิ่ว นักวิเคราะห์บริษัท ไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล แคปิตอล คอร์ปอเรชั่น มองว่า การที่เงินหยวนแข็งค่าในช่วงที่ผ่านมานั้น อาจจะไม่ทำให้ยอดการส่งออกถูกฉุดลงมากนัก

"เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ขณะที่เงินหยวนก็ไม่ได้แข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆในตะกร้าเงิน ...ที่สำคัญก็คือ เราเชื่อว่าปัจจัยนี้จะไม่ทำให้ยอดส่งออกของจีนถูกฉุดลงมากนัก" พร้อมระบุว่า ความจริงแล้วเงินหยวนยังถือว่าอยู่ในระดับที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆในตะกร้าเงิน

นายหลิวยังกล่าวด้วยว่า การแข็งค่าของเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ กลับจะช่วยให้การค้าระหว่างจีนและสหรัฐกลับมามีความสมดุลอีกครั้ง

ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ เพิ่มขึ้น 19%, มูลค่าการค้ากับกลุ่มอาเซียน เพิ่มขึ้น 19.9% และมูลค่าการค้ากับญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 15.4%

นอกจากนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าว มูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนอยู่ที่ 17.83 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 17% เทียบเป็นรายปี โดยมูลค่าการค้ากับสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุดของจีน เพิ่มขึ้น 16% เทียบรายปี สู่ระดับ 2.71 ล้านล้านหยวน

ส่วนดัชนีชี้นำด้านการส่งออกของจีนประจำเดือนส.ค. ทรงตัวอยู่ที่ 41.9 เทียบรายเดือน ซึ่งส่งสัญญาณว่าการส่งออกของจีนยังคงมีเสถียรภาพ

สำหรับทิศทางในอนาคตนั้น นายหลิวระบุว่า ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของจีนบ่งชี้ว่าอุปสงค์ในต่างประเทศกำลังฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม การค้าทั่วโลกยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน

สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ