ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้ส่งสัญญาณภายหลังการประชุมกำหนดนโยบายการเงินครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า BoE อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า BoE อาจพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในการประชุมวันพฤหัสบดีที่ 2 พ.ย.นี้
นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนเชื่อว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (MPC) อาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2550 หลังจากที่เกิดวิกฤตทางการเงินทั่วโลก ซึ่งวิกฤตในครั้งนั้นทำให้ BoE ต้องตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ BoE ได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.25% ในเดือนส.ค. 2559 อันเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการรับมือแรงกดดันที่มีต่อเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร จากผลพวงของการลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว
ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.5% จากปัจจุบันที่ระดับ 0.25% หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหราชอาณาจักรขยายตัว 0.4% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายไตรมาส ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.3% นอกจากนี้ยังสูงกว่าตัวเลขการขยายตัวของสองไตรมาสแรกปีนี้
การที่เศรษฐกิจของอังกฤษยังคงอยู่ในทิศทางขยายตัว ไม่ได้หดตัวลงตามที่ผู้เชี่ยวชาญเคยคาดการณ์ไว้ก่อนที่จะมีการลงประชามติ Brexit นั้น ได้เพิ่มน้ำหนักให้กับการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ BoE ถึงแม้จะมีการคาดการณ์ว่า GDP ของอังกฤษจะขยายตัวช้ากว่าเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐและยูโรโซนในปีนี้ก็ตาม
ดร.โฮเวิร์ด อาร์เชอร์ หัวหน้าที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของ EY ITEM Club ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลระดับชั้นนำในกรุงลอนดอน ได้ให้ทัศนะกับสำนักข่าวซินหัวว่า "ผมคิดว่าข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของอังกฤษจะเป็นตัวผลักดันให้ BoE ดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย"
"กรรมการ BoE ได้ส่งสัญญาณที่จะใช้นโยบายการเงินเชิงรุกมากขึ้นในรายงานการประชุมเดือนก.ย. ถึงแม้ว่าพวกเขาจะประมาณการไว้ว่า เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรจะขยายตัวเพียง 0.3% ในไตรมาส 3 ก็ตาม" ดร. อาร์เชอร์ กล่าวเสริม
"ดังนั้นการที่ GDP ไตรมาส 3/2560 ขยายตัวที่ระดับ 0.4% จึงดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยส่งเสริมให้ BoE ดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ประเด็นความไม่แน่นอนทางการเมืองในกระบวนการเจรจา Brexit จะเป็นหัวข้อในการประชุมกรรมการ MPC ก่อนตัดสินใจกำหนดอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดีนี้
นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการ BoE ได้เปิดเผยในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมซึ่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จัดขึ้นที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ในคณะกรรมการนโยบายการเงินของ BoE มีความเห็นว่าการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ถ้าหากว่าเศรษฐกิจอังกฤษยังคงฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นายคาร์นีย์ระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะเป็นไปอย่างจำกัด และค่อยเป็นค่อยไป
นอกจากนี้ นายคาร์นีย์คาดว่าการที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ และ BoE จำเป็นต้องเข้าดำเนินการในตลาด ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่กำลังปรับตัวขึ้นทั่วโลก