ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีเมื่อวานนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยลดความกดดันของแบงก์ชาติอังกฤษ หลังจากที่ชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยมาแล้วหลายเดือน
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (MPC) มีมติด้วยคะแนนเสียง 7-2 ในการประชุมเมื่อวานนี้ โดยเห็นพ้องให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 0.50% จากระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะเดียวกันแบงก์ชาติอังกฤษยังส่งสัญญาณที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอย่างค่อยเป็นค่อยไป และในกรอบที่จำกัด
นายโฮเวิร์ด อาร์เชอร์ หัวหน้าคณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจแห่งบริษัท "EY ITEM Club" ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงินระดับชั้นนำในกรุงลอนดอน ได้ให้ทัศนะกับสำนักข่าวซินหัวว่า "ในที่สุดธนาคารกลางอังกฤษตัดสินใจปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งถือเป็นการแสดงจุดยืนด้านนโยบายการเงินแบบเชิงรุกมากขึ้นของคณะกรรมการ MPC เพราะหาก BoE ไม่ดำเนินการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ อาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของ BoE อย่างร้ายแรง เนื่องจากก่อนหน้านี้ BoE ได้ส่งสัญญาณที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ตัดสินใจที่จะยังไม่ดำเนินการ"
- BoE ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในอนาคต
ธนาคารกลางอังกฤษได้ระบุในแถลงการณ์หลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้จะเพิ่มต้นทุนในการกู้ยืมเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ขณะที่นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการ BoE กล่าวว่า "ด้วยอัตราว่างงานในสหราชอาณาจักรที่อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 42 ปี ประกอบกับตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเหนือระดับเป้าหมาย 2% ของ BoE และการที่เศรษฐกิจอังกฤษขยายตัวอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ทำให้ BoE จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้ตัวเลขเงินเฟ้อเคลื่อนตัวกลับลงสู่ระดับเป้าหมาย"
นอกจากนี้ นายคาร์นีย์ ยังกล่าวเสริมด้วยว่า "การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป และในขอบเขตที่จำกัด"
ปัจจุบันดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ อยู่ที่ระดับ 3% ซึ่งสูงกว่าระดับเป้าหมายของ BoE มาก โดยปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากการที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ต้นทุนสินค้านำเข้าและราคาวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายอาร์เชอร์เชื่อว่า แบงก์ชาติอังกฤษควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดๆไปอย่างระมัดระวัง
"นี่เป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2550 ดังนั้นทางคณะกรรมการ MPC จึงจำเป็นต้องจับตาดูปฏิกิริยาของผู้บริโภคและภาคธุรกิจไปอีกสักระยะหนึ่งก่อน"
ด้านนายอามิต คารา หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์มหภาคสหราชอาณาจักรจากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NIESR) คาดการณ์ว่า BoE มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 25 จุดในทุกๆ 6 เดือน เพื่อให้ไปสู่ระดับเป้าหมาย 2% ภายในปี 2563-2564
- ปัญหาความไม่แน่นอนของกระบวนการเจรจา Brexit
ปัญหาความล่าช้าในกระบวนการเจรจา Brexit ระหว่างรัฐบาลสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป (EU) ทำให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจอังกฤษ โดยนายแซม ฮิลล์ นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ แคนาดา กล่าวว่า "ปัจจุบันยังคงมีความเสี่ยงที่สำคัญในระบบเศรษฐกิจของอังกฤษ สืบเนื่องจากความวิตกกังวลในกระบวนการ Brexit ถึงแม้ทุกฝ่ายจะพยายามผลักดันกระบวนการ Brexit ให้ดำเนินไปอย่างราบรื่นก็ตาม