World Today: สรุปข่าวประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 27 ธันวาคม 2560

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 27, 2017 09:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

  • สำนักงานสถิติแห่งประเทศจีน (NBS) เปิดเผยว่า กำไรของบริษัทขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 14.9% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 7.858 แสนล้านหยวน ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีนี้ และยังขยายตัวน้อยกว่าเดือนต.ค.ที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 25.1%

ขณะที่ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ กำไรของบริษัทขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรม ขยายตัว 21.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดือนม.ค.-ต.ค. ซึ่งขยายตัว 23.3%

-- ตลาดการเงินจับตาเหตุการณ์สำคัญที่อาจเกิดขึ้นในปีหน้า ซึ่งได้แก่ การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อาจประกาศแผนการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งจับตานโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานเฟด ต่อจากนางเจเน็ต เยลเลน ในเดือนก.พ.ปีหน้า

  • คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) ออกกฎระเบียบใหม่เพื่อปรับปรุงขั้นตอนการบริหารและเสริมสร้างการกำกับดูแลเกี่ยวกับการลงทุนในต่างประเทศของบริษัทจีน โดยจะมีผลบังคับใช้ในเดือนมี.ค.ปีหน้า

กฎระเบียบใหม่กำหนดให้ผู้ประกอบการในเกือบทุกอุตสาหกรรมยื่นเอกสารเกี่ยวกับโครงการที่ต้องการจะลงทุนในต่างประเทศต่อหน่วยงานวางแผนทางเศรษฐกิจระดับรัฐบาลกลางหรือท้องถิ่นเพียงเท่านั้น และยกเลิกบทบัญญัติเมื่อปี 2557 ที่กำหนดให้บริษัทต่างๆ ซึ่งต้องการซื้อหรือประมูลโครงการมูลค่าเกิน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐในต่างประเทศ ต้องรายงานข้อมูลโครงการให้รัฐบาลรับทราบก่อน

  • กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่น รายงานการใช้จ่ายในภาคครัวเรือนพุ่งขึ้น 1.7% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 277,361 เยน หรือ 2,448 ดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าการใช้จ่ายในภาคครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% ในเดือนพ.ย.

ทั้งนี้ คาดกันว่า การใช้จ่ายในภาคครัวเรือนที่พุ่งขึ้นในเดือนพ.ย. รวมทั้งดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ดีดตัวขึ้น และอัตราการว่างงานที่ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 24 ปี จะทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีความหวังว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะช่วยหนุนเงินเฟ้อแตะระดับเป้าหมายที่ 2%

  • ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ (BTMU) ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ทางธนาคารจะเข้าลงทุนในธนาคารแบงก์ ดานามอน ของอินโดนีเซียในวงเงิน 1.17 พันล้านดอลลาร์ โดยจะทยอยเข้าซื้อหุ้นของทางธนาคารจนถึงระดับ 73.8%

ทั้งนี้ BTMU จะเข้าซื้อหุ้นในแบงก์ ดานามอน ใน 3 ขั้นตอน โดยจะใช้เงิน 1.17 พันล้านดอลลาร์ ซื้อหุ้นจำนวน 19.9% ก่อนที่จะซื้อหุ้นเพิ่มอีก 20.1% ภายในไตรมาส 3 ของปีหน้า และในขั้นสุดท้าย BTMU จะเข้าซื้อหุ้นจนถึงระดับ 73.8%

  • นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า รัสเซียพร้อมที่จะเป็นคนกลางระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐในการเจรจาเพื่อคลี่คลายความตึงเครียด ถ้าหากทั้งสองฝ่ายยินยอมให้รัสเซียรับบทบาทดังกล่าว เช่นเดียวกับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย ที่กล่าวเรียกร้องให้สหรัฐและเกาหลีเหนือเริ่มต้นการเจรจาโดยรัสเซียเองพร้อมให้การสนับสนุน
  • รัฐบาลสหรัฐประกาศตัดเงินสนับสนุนงบประมาณของสหประชาชาติประจำปี 2561-2562 เป็นจำนวน 285 ล้านดอลลาร์ โดยนางนิกกี้ ฮาลีย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหรัฐประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า การปรับลดเงินสนับสนุนงบประมาณของสหประชาชาติ เกิดจากการใช้จ่ายที่เกินตัว และไม่มีประสิทธิภาพของสหประชาชาติ และตนจะไม่ยอมให้ความมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของชาวอเมริกัน ทำให้สหรัฐถูกเอารัดเอาเปรียบ

อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายคาดว่า การประกาศตัดเงินสนับสนุนงบประมาณของสหประชาชาติในครั้งนี้ เป็นการคัดค้านการที่ 128 ประเทศลงมติเห็นชอบให้การประกาศของสหรัฐในการรับรองให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ถือเป็นโมฆะ และไม่มีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย

  • นายทาโร่ โคโนะ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น กล่าวหลังการประชุมร่วมกับนายไอมาน ซาฟาดิ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจอร์แดนว่า ญี่ปุ่นจะไม่ย้ายสถานทูตในอิสราเอลจากเมืองเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลมตามสหรัฐ พร้อมสนับสนุนแนวทางที่จะนำไปสู่สันติภาพในตะวันออกกลาง
  • อีลอน มัสก์ ประธานบริหารบริษัทเทสล่า ประกาศว่า บริษัทจะเริ่มต้นการผลิตรถกระบะพลังงานไฟฟ้าหลังการผลิตรถยนต์เอสยูวี Model Y ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นในช่วงกลางปี 2562

แนวคิดในการผลิตรถกระบะพลังงานไฟฟ้านี้ถูกประกาศในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้เทสล่าเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่ผลิตรถยนต์พลังงานไฟ้าอย่างเต็มตัว เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับผู้ผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในอย่างโตโยต้าและบีเอ็มดับเบิลยู

-- สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยผลสำรวจเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง และภาวะขาดแคลนสต็อกบ้านในตลาด

ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.4% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยสูงกว่าระดับ 6.2% ในเดือนก.ย.

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่จะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ ได้แก่ ทางการเกาหลีใต้จะเปิดเผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนธ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ขณะที่ญี่ปุ่นจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ทางด้านอังกฤษจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนธ.ค. ส่วนสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ