World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 29 มกราคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 29, 2018 08:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ (26 ม.ค.) โดยดัชนีดาวโจนส์ S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดทำนิวไฮอีกครั้ง หลังสหรัฐเผยตัวเลข GDP ต่ำกว่าคาดการณ์เล็กน้อย ซึ่งนักลงทุนมองว่ายังแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 223.92 จุด หรือ 0.85% ปิดที่ 26,616.71 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 33.62 จุด หรือ 1.18% ปิดที่ 2,872.87 จุด ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 94.61 จุด หรือ 1.28% ปิดที่ 7,505.77 จุด

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2560 ที่ระดับ 2.6% โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3% และต่ำกว่าระดับ 3.2% ในไตรมาส 3

การชะลอตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 4/2560 มีสาเหตุจากการลดลงของการลงทุนในสินค้าคงคลัง และการพุ่งขึ้นของตัวเลขการนำเข้าสินค้า

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 3% ในปีนี้ ตามเป้าหมายของรัฐบาล จากปัจจัยบวกของดอลลาร์ที่อ่อนค่า และเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่ง รวมทั้งแรงกระตุ้นจากมาตรการปฏิรูปภาษีของรัฐบาล

ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว, 3.1% ในไตรมาส 2 และ 3.2% ในไตรมาส 3

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันศุกร์ โดยได้กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งได้ช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างมาก หลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในปีที่แล้ว

ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า มาตรการปฏิรูปภาษีของเขาได้ทำให้บริษัทสหรัฐกลับมาลงทุนในประเทศ และเขายังได้กล่าวเชิญชวนประเทศต่างๆ เข้าลงทุนในสหรัฐ นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้กล่าวปกป้องนโยบาย"อเมริกาต้องมาก่อน" โดยกล่าวว่า คำว่า'อเมริกาต้องมาก่อน' ไม่ได้หมายความว่า สหรัฐคำนึงถึงผลประโยชน์อเมริกาเท่านั้น เพราะว่าเมื่อเศรษฐกิจของสหรัฐขยายตัว เศรษฐกิจโลกก็ขยายตัวเช่นกัน

-- นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่า แม้มีหลายปัจจัยที่ทำให้การบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% เป็นไปอย่างยากลำบาก แต่เขาเชื่อว่า BOJ ใกล้จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว เนื่องจากค่าแรงและราคาผู้บริโภคของญี่ปุ่นเริ่มปรับตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ นายคุโรดะไม่ได้ปรับทบทวนแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่น พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่า ท้ายที่สุดแล้ว BOJ จะสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ และยังกล่าวด้วยว่า BOJ จะเดินหน้าสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและราคา ด้วยการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป

-- สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างข้อมูลจากหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เล็งเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมเป็น 7.16 แสนล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2562

ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 7% จากงบกลาโหมปี 2561 ซึ่งยังไม่ผ่านสภาคองเกรส นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายประจำปีของกระทรวงกลาโหม รวมถึงค่าใช้จ่ายในการทำสงครามและรักษาคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์

-- Coincheck บริษัทผู้ดำเนินการซื้อขาย NEM ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล แถลงว่า NEM จำนวน 5.8 หมื่นล้านเยน (534 ล้านดอลลาร์) ได้สูญหายไปจากตลาดซื้อขายเงินดิจิทัลแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากถูกแฮกเกอร์ลักลอบเจาะเข้าระบบ

การสูญหายเงินดังกล่าว ทำให้ Coincheck ประกาศระงับการซื้อขาย และฝากถอนเงิน NEM

สำหรับวงเงิน NEM ที่สูญหายในครั้งนี้ มากกว่าที่ Mt. Gox ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายบิตคอยน์ในญี่ปุ่น แจ้งว่ามีการสูญหายบิตคอยน์วงเงิน 4.8 หมื่นล้านเยนในปี 2557

Coincheck ออกแถลงการณ์ขอโทษลูกค้าต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะทำการตรวจสอบหาสาเหตุการสูญหายของ NEM ขณะที่ได้รายงานต่อสำนักงานบริการการเงิน และสำนักงานตำรวจของญี่ปุน

-- สหรัฐประกาศคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ เพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียประกาศผนวกคาบสมุทรไครเมียจากยูเครนในปี 2557 และเข้าสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครน โดยกระทรวงการคลังสหรัฐได้คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่รัสเซีย 21 คน และบริษัท 9 แห่ง

ทางด้านนายเลโอนิด สลัตสกี ประธานคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ประจำสภาผู้แทนราษฎรรัสเซีย กล่าวว่า การที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ถือเป็นการกระทำที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและสหรัฐย่ำแย่ลง พร้อมกล่าวว่า รัสเซียจะตอบโต้ต่อการคว่ำบาตรดังกล่าว

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในวันที่ 30 ม.ค.เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าของวันที่ 31 ม.ค.เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย

การแถลงนโยบายประจำปีดังกล่าว นับเป็นครั้งแรกของปธน.ทรัมป์ หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งในปีที่แล้ว โดยมีการคาดการณ์ว่า ปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยโครงการลงทุนในสาธารณูปโภคครั้งใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐตามที่เขาได้เคยรณรงค์หาเสียงในปี 2559 โดยคาดว่า โครงการลงทุนในสาธารณูปโภคจะมีวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 กองทุนในช่วงเวลา 10 ปี

-- ตลาดการเงินจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันศุกร์นี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย

สำหรับตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐนั้น ปรับตัวขึ้น 148,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี

-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีกำหนดจัดการประชุมนโยบายการเงินเป็นเวลา 2 วัน ในวันที่ 30-31 ม.ค.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ หลังจากที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.25-1.50% ในการประชุมเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2560 พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปี 2561

CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ได้แก่ ในการประชุมเดือนมี.ค., มิ.ย. และธ.ค.

-- บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่มีเตรียมเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2560 ในสัปดาห์นี้ โดยไมโครซอฟต์, เฟซบุ๊ก และเพย์พาล เตรียมเปิดเผยผลประกอบการในวันพุธ ขณะที่อาลีบาบา แอปเปิล อัลฟาเบท และอเมซอน จะเปิดเผยผลประกอบการในวันพฤหัสบดี ส่วนบริษัทไฟเซอร์ โบอิ้ง และยูพีเอส มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้เช่นกัน

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนม.ค.ของอังกฤษซึ่งรายงานโดยเนชั่นไวด์ ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนธ.ค. และดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค. จากเฟดดัลลัส

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยอัตราว่างงาน,การใช้จ่ายภาคครัวเรือนและยอดค้าปลีกประจำเดือนธ.ค. ขณะที่ฝรั่งเศสจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560 , เยอรมนีจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเบื้องต้นเดือนม.ค. ส่วนยูโรสแตทจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซน ซึ่งได้แก่ จีดีพีไตรมาส 4/2560 ,ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค. และความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนม.ค. ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ส และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จาก Conference Board


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ