World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 30 มกราคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 30, 2018 10:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในวันนี้ (30 ม.ค.) เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ (31 ม.ค.) เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทรัมป์ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ว่า ในการแถลงนโยบายประจำปีครั้งนี้ เขาจะกล่าวถึงประเด็นต่างๆ ซึ่งรวมถึงนโยบายการรับคนเข้าเมืองและนโยบายการค้า นอกจากนี้ ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะพูดถึงความสำเร็จครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในยุคสมัยของเขา ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งของตลาดหุ้น และการผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี

--นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาการประชุมระยะเวลา 2 วันของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ และจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูถ้อยแถลงครั้งสุดท้ายของนางเจเน็ต เยลเลน ในฐานะประธานเฟด ก่อนที่นางเยลเลนจะสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งประธานเฟดในวันที่ 3 ก.พ.นี้ และนายเจอโรม พาวเวล จะก้าวขึ้นมารับตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่

--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) โดยได้แรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,439.48 จุด ร่วงลง 177.23 จุด หรือ -0.67% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,853.53 จุด ลดลง 19.34 จุด หรือ -0.67% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,466.51 จุด ลดลง 39.27 จุด หรือ -0.52%

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับ 2.716% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2557 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 2.954%

ตลาดการเงินได้เพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ โดย CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 26% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 23% ในวันศุกร์ และ 10% ในเดือนที่แล้ว

-- กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า อัตราว่างงานของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.8% ในเดือนธ.ค. จากระดับ 2.7% ในเดือนพ.ย.

ด้านกระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการเปิดเผยว่า ตำแหน่งงานว่างปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 1.56 เป็น 1.59 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2517 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวหมายความว่า มีตำแหน่งงานว่าง 159 อัตรา สำหรับผู้หางานทุกๆ 100 คน

สำหรับตลอดทั้งปี 2560 อัตราว่างงานลดลงสู่ระดับ 2.8% จาก 3.1% ในปีก่อนหน้า

--สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากพุ่งขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ย. ขณะที่ตัวเลขการออมของผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่ระดับ 3.516 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2550 จากระดับ 3.651 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย.

ส่วนดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย.

--สำนักข่าวนิกเกอิของญี่ปุ่นรายงานว่า บริษัทแอปเปิล อิงค์ได้แจ้งซัพพลายเออร์ว่า ทางบริษัทจะปรับลดเป้าการผลิต iPhone X สำหรับไตรมาสแรกในปีนี้ลงครึ่งหนึ่ง เหลือเพียง 20 ล้านเครื่อง เนื่องจากยอดขายที่ต่ำกว่าคาดในยุโรป สหรัฐ และจีน

อย่างไรก็ดี คาดว่าแอปเปิลจะยังคงเป้าการผลิต iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone 7 ที่ระดับ 30 ล้านเครื่อง

--กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า อัตราว่างงานของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.8% ในเดือนธ.ค. จากระดับ 2.7% ในเดือนพ.ย.

ด้านกระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการเปิดเผยว่า ตำแหน่งงานว่างปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 1.56 เป็น 1.59 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2517 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวหมายความว่า มีตำแหน่งงานว่าง 159 อัตรา สำหรับผู้หางานทุกๆ 100 คน

--สำนักงานตำรวจนครบาลประจำกรุงโตเกียวได้เริ่มทำการสอบสวนเบื้องต้นเมื่อวานนี้ กรณีที่บริษัท Coincheck ผู้ให้บริการซื้อขายสกุลเงิน NEM ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล เปิดเผยว่า แฮกเกอร์ได้โจรกรรม NEM ไปจากระบบเป็นจำนวนเงินสูงถึง 5.8 หมื่นล้านเยน

-- นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีกำหนดเข้าแถลงต่อคณะกรรมาธิการกิจการด้านเศรษฐกิจของรัฐสภาอังกฤษในกรุงลอนดอนวันนี้

--จับตาข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศที่จะรายงานในวันนี้ โดยฝรั่งเศสจะรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560, อียูจะเปิดเผยจีดีพีไตรมาส 4/2560 ตลอดจนความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนม.ค., เยอรมนีจะรายงานอัตราเงินเฟ้อเบื้องต้นเดือนม.ค. และสหรัฐเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ส และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จาก Conference Board

สำหรับในวันพรุ่งนี้ก็มีข้อมูลที่น่าจับตาเช่นกัน ทางฝั่งจีนจะรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ และดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค.จากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS), ญี่ปุ่นจะรายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค., อียูเตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนธ.ค. และสหรัฐจะรายงานตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค.จาก ADP สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค. เป็นต้น

-- นักลงทุนยังจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงผลประกอบการของไมโครซอฟต์ เฟซบุ๊ก เพย์พาล อาลีบาบา แอปเปิล อัลฟาเบท อเมซอน ไฟเซอร์ โบอิ้ง และยูพีเอส


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ