ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการที่นายแกรี่ โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนั้น อาจจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้าในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ลดช่วงลบก่อนปิดตลาด หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ซึ่งระบุว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐขยายตัวปานกลาง ซึ่งรายงานดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลจากความเป็นไปได้ที่ว่า เฟดอาจจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,801.36 จุด ลดลง 82.76 จุด หรือ -0.33% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,726.80 จุด ลดลง 1.32 จุด หรือ -0.05% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,396.65 จุด เพิ่มขึ้น 24.64 จุด หรือ +0.33%
-- ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ อาจยกเว้นการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากแคนาดา เม็กซิโก และบางประเทศ
ซาราห์ ฮักคาบี แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า "เม็กซิโกและแคนาดาอาจได้รับการยกเว้นด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ และอาจรวมถึงบางประเทศเนื่องด้วยแนวทางเดียวกันนี้" โดยถ้อยแถลงอาจบอกเป็นนัยว่า ญี่ปุ่นและชาติพันธมิตรรายอื่นๆของสหรัฐอาจได้รับการยกเว้นจากแผนภาษีดังกล่าว
นอกจากนี้ โฆษกทำเนียบขาว คาดว่าปธน.ทรัมป์จะลงนามแผนเก็บภาษีดังกล่าว "ภายในสุดสัปดาห์"
-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐปรับตัวขึ้นในระดับปานกลาง ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว ส่วนภาวะเศรษฐกิจทั่วทั้ง 12 เขตของสหรัฐนั้น มีการขยายตัวเล็กน้อยไปจนถึงปานกลาง ในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.
"ราคาผู้บริโภคซึ่งเป็นปัจจัยชี้วัดอัตราเงินเฟ้อนั้น ปรับตัวขึ้นในทุกเขต โดยส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นในระดับปานกลาง ขณะที่อัตราค่าจ้างปรับตัวขึ้นในระดับปานกลางเช่นกัน ส่วนตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงต้องการแรงงานที่มีทักษะอีกมาก" เฟดเปิดเผยในรายงาน Beige Book
-- สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายปีเตอร์ นาวาร์โร ผู้อำนวยการสภาการค้าแห่งชาติประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า เขาไม่ได้สมัครเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว แทนนายแกรี่ โคห์น ซึ่งประกาศลาออกในวันอังคาร
ก่อนหน้านี้ ตลาดการเงินคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า นายนาวาร์โร และนายแลร์รี่ คุดโลว์ นักวิเคราะห์สายอนุรักษ์นิยม เป็น 2 ตัวเก็งที่มีแนวโน้มได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจแทนนายโคห์น
-- ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนปรับตัวลดลงในเดือนก.พ. หลังจากที่เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเวลา 12 เดือนก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนก.พ.อยู่ที่ระดับ 3.134 ล้านล้านดอลลาร์ ลดลง 2.698 หมื่นล้านดอลลาร์จากเดือนม.ค. โดยปัจจัยที่ทำให้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนลดลงในเดือนก.พ.นั้น มาจากการอ่อนค่าของสกุลเงินต่างๆที่ไม่ใช่ดอลลาร์ และจากการที่ราคาสินทรัพย์ทั่วโลกปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนระบุว่า ปริมาณทองคำสำรองของจีนยังคงทรงตัวที่ระดับ 59.24 ล้านออนซ์ คิดเป็นมูลค่า 7.81 หมื่นล้านดอลลาร์
-- รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2560 ขยายตัว 1.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่าขยายตัวเพียง 0.5%
ทั้งนี้ เศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 8
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) รายงานในวันนี้ว่า ออสเตรเลียเกินดุลการค้าทั้งสิ้น 1.055 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่คาดไว้ว่าจะเกินดุล 200 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
นอกจากนี้ ออสเตรเลียยังพลิกกลับมาเกินดุลการค้า หลังจากที่ออสเตรเลียขาดดุลการค้า 1.146 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในเดือนธ.ค. 2560 ซึ่งผิดไปจากความคาดหมาย โดยมีสาเหตุมาจากการนำเข้าที่พุ่งขึ้นมากกว่าการส่งออก
ขณะเดียวกัน ออสเตรเลียส่งออกเพิ่มขึ้น 4% จากเดือนก่อนหน้า แตะ 3.3924 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ส่วนการนำเข้าลดลง 2% แตะ 3.2869 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
-- ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 235,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 195,000 ตำแหน่ง หลังจากพุ่งขึ้น 244,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค.
-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 9 ปีในเดือนม.ค. โดยเพิ่มขึ้น 5.0% สู่ระดับ 5.66 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2551 จากระดับ 5.39 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าอยู่ที่ระดับ 5.51 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค.
-- นักลงทุนจับตาธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ ขณะที่มีกระแสคาดการณ์ว่า ECB อาจจะไม่กล่าวถึงกรณีที่สกุลเงินยูโรแข็งค่า และอาจจะปรับสัญญาณชี้นำล่วงหน้า (Forward Guidance)
ในการประชุมในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25% ขณะเดียวกัน ECB ประกาศคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงเดือนก.ย.
-- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันพรุ่งนี้ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า BOJ จะคงมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาลต่อไป
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้แถลงต่อวุฒิสภาญี่ปุ่นว่า BOJ จะยังไม่ถอนมาตรการผ่อนคลายการเงินเชิงรุก จนกว่า BOJ จะสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%
สำหรับในการประชุมในเดือนม.ค. ที่ประชุม BOJ มีมติคงนโยบายการเงิน ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของ BOJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% ขณะเดียวกัน BOJ จะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตร
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยจีนจะเปิดเผยยอดส่งออก,นำเข้า และดุลการค้าเดือนก.พ. เยอรมนีจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนม.ค. และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือนม.ค. จีนจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ. เยอรมนีจะเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค.และยอดส่งออก,นำเข้า และดุลการค้าเดือนม.ค. อังกฤษจะเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค.และดุลการค้าเดือนม.ค. และสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนม.ค.