World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 2 เมษายน 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 2, 2018 16:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รัฐบาลจีนประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าต่างๆจากสหรัฐ จำนวน 128 รายการ ในวันนี้ ซึ่งรวมถึงเนื้อหมูและผลไม้ โดยมีเป้าหมายที่จะตอบโต้สหรัฐที่ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในช่วงก่อนหน้านี้

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะกรรมการด้านภาษีศุลกากรแห่งรัฐสภาจีนได้ตัดสินใจเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้า 120 รายการจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึงผลไม้และผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับผลไม้ ในอัตรา 15% และเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอีก 8 รายการ ซึ่งรวมถึงเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหมู ในอัตรา 25%

-- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่น (ทังกัน) ประจำไตรมาส 1/2561 ในวันนี้ โดยระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัทผลิตรถยนต์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นั้น ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าของสหรัฐ และการแข็งค่าของเงินเยน

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ในไตรมาส 1/2560 อยู่ที่ +24 ลดลงจากระดับ +26 ในไตรมาส 4/2560 และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำนักข่าวเกียวโดคาดว่าจะอยู่ที่ +25

-- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน อยู่ที่ระดับ 51.0 ในเดือนมี.ค. ซึ่งลดลงจากระดับ 51.6 ในเดือนก.พ. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 51.7

อย่างไรก็ตาม ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนยังคงมีการขยายตัว และดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวในภาคการผลิต

-- บริษัทเทสลา มอเตอร์ส ได้ออกมายืนยันว่า รถยนต์รุ่นเทสลา โมเดล เอ็กซ์ ที่ประสบอุบัติเหตุชนเข้ากับแนวกั้นถนนและรถอีก 2 คันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จนส่งผลให้ชายผู้ขับขี่วัย 38 ปีเสียชีวิตนั้น วิ่งอยู่ในโหมดขับเคลื่อนอัตโนมัติ

แถลงการณ์ของเทสลาระบุว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุปะทะนั้น "รถวิ่งอยู่ในโหมดขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยมีการตั้งค่าเว้นระยะขณะอยู่ในระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอยู่ที่ระดับต่ำสุด" โดยบันทึกการขับขี่เปิดเผยว่า ชายวัย 38 ปีผู้นี้ได้เพิกเฉยต่อการแจ้งเตือนให้ผู้ขับจับพวงมาลัย

-- นายไฮโก มาส รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศเยอรมนีเปิดเผยว่า เยอรมนีพร้อมที่จะเจรจาและพัฒนาความสัมพันธ์กับรัสเซีย หลังเกิดเหตุการใช้สารพิษลอบสังหารอดีตสายลับรัสเซียและลูกสาวที่ลี้ภัยอยู่ในอังกฤษ ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลัง และนำไปสู่การขับเจ้าหน้าที่ทูตรัสเซียออกนอกประเทศ

นายมาสให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Bild am Sonntag ว่า แม้ความไว้เนื้อเชื่อใจกันจะลดลงมาก อันเนื่องมาจากพฤติกรรมของรัสเซีย แต่เยอรมนีก็ยังต้องการรัสเซียในฐานะพันธมิตร เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในภูมิภาค ยุติการใช้อาวุธ และการเป็นเสาหลักสำคัญของนโยบายพหุภาคี

-- นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ เข้ารับชมการแสดงดนตรีของบรรดาศิลปินและนักร้องชื่อดังจากเกาหลีใต้ ในกรุงเปียงยางของเกาหลีเหนือ เมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายคิม และนางรี ซอล จู ภริยา ได้เข้าร่วมรับชมการแสดงคอนเสิร์ต "สปริง คัมส์" (Spring Comes) นำโดยคณะผู้แสดงที่มีชื่อเสียงจากเกาหลีใต้ รวมทั้ง โช ยอง พิล นักร้องเพลงป๊อปชื่อดัง และเกิร์ลกรุ๊ประดับแนวหน้า อย่าง เรด เวลเว็ท ซึ่งในการนี้ผู้นำเกาหลีเหนือระบุว่า คอนเสิร์ตลักษณะเดียวกันนี้ที่ใช้ชื่อว่า "ออทัมน์ คัมส์" (Autumn Comes) ควรจัดขึ้นที่กรุงโซลในช่วงฤดูใบไม้ร่วงด้วยเช่นกัน

-- นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้กล่าวโจมตี อเมซอน บริษัทค้าปลีกออนไลน์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐเป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์ โดยกล่าวหาว่า อเมซอนเอาเปรียบบริษัทไปรษณีย์ของสหรัฐ (USPS)

ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความว่า "บริษัทไปรษณีย์สหรัฐจะต้องขาดทุน 1.50 ดอลลาร์โดยเฉลี่ยของพัสดุแต่ละกล่องที่ถูกจัดส่งให้กับทางอเมซอน ซึ่งจะมียอดการขาดทุนรวมสูงถึงนับพันล้านดอลลาร์ และหากทางบริษัทไปรษณีย์สหรัฐปรับขึ้นอัตราการให้บริการจัดส่ง ก็จะส่งผลทำให้ค่าขนส่งของทางอเมซอนสูงถึง 2.6 พันล้านดอลลาร์"

-- สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สถานีอวกาศ "เทียนกง-1" ของจีน ได้ตกลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ในช่วงเช้าวันนี้ และชิ้นส่วนเกือบทั้งหมดได้ถูกเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศ

สำนักงานวิศวกรรมอวกาศของจีนเปิดเผยว่า สถานีอวกาศเทียนกง-1 ได้เคลื่อนตัวเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกเมื่อเวลาประมาณ 08.15 น.ตามเวลาท้องถิ่นในวันนี้ โดยชิ้นส่วนส่วนใหญ่ของสถานีอวกาศถูกเผาไหม้จากการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศ และมีโอกาสเพียงน้อยนิดที่ชิ้นส่วนเหล่านี้ร่วงลงใส่ผู้คน

-- ทางการจีนได้เรียกร้องให้สหรัฐยกเลิกการใช้มาตรการปกป้องการค้าที่ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับขององค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อให้การค้าผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องในระดับทวิภาคีกลับมาสู่ภาวะปกติ

กระทรวงพาณิชย์จีน (MOC) เปิดเผยผ่านแถลงการณ์ออนไลน์ว่า การที่สหรัฐใช้มาตรการกีดกันการนำเข้าจากประเทศบางกลุ่มนั้น เป็นการละเมิดข้อยกเว้นด้านความมั่นคงของ WTO ทั้งยังเป็นการฝ่าฝืนอย่างร้ายแรงต่อหลักการไม่เลือกปฏิบัติในระบบการค้าพหุภาคี

-- นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐเปิดเผยว่า จะไม่มีการทำข้อตกลงใดๆในโครงการคุ้มครองผู้อพยพวัยเยาว์ที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐ (DACA) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในสมัยการบริหารงานของรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา เพื่อชะลอการเนรเทศเหล่าดรีมเมอร์สออกจากสหรัฐ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะยุติโครงการดังกล่าวตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว แต่ได้ยื่นเงื่อนไขให้ฝ่ายนิติบัญญัติหาแนวทางในการแก้ปัญหาผู้อพยพเยาวชนเหล่านี้ให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน แม้ว่าสภาคองเกรงจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในประเด็นนี้ได้ และทำให้กระบวนการต้องหยุดชะงัก แต่ยังคงมีความท้าทายทางกฎหมายต่อคำสั่งประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดทางห้โครงการ DACA สามารถดำเนินการต่อไปได้ตามปกติในขณะนี้

-- รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมเปิดเผยรายการสินค้าจีนที่จะถูกจัดเก็บภาษีนำเข้าภายในวันศุกร์นี้ตามเวลาสหรัฐ หลังจากที่ได้มีการลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี เพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์

รายงานข่าวระบุว่า สินค้าที่จะถูกจัดเก็บภาษีนั้นส่วนใหญ่เป็นสินค้าไฮเทค โดยอาจใช้เวลากว่า 2 เดือนกว่าที่จะมีการเรียกเก็บภาษีจริง

-- แกร็บ (Grab) ผู้นำด้านบริการเรียกรถโดยสารในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากสิงคโปร์ ยืนยันไม่เพิ่มค่าโดยสารขั้นต่ำ และคงระบบการคิดราคาเช่นเดิม หลังเกิดความกังวลจากกรณีที่แกร็บบรรลุข้อตกลงควบรวมกิจการ อูเบอร์ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

แกร็บได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงหลังมีข่าวว่า คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าของสิงคโปร์ (CCS: Competition Commission of Singapore) กำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อตกลงการซื้อขายกิจการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระหว่าง แกร็บ กับ อูเบอร์ บริษัทผู้ให้บริการร่วมเดินทางยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ เนื่องจากกังวลว่าข้อตกลงดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการแข่งขันทางการค้าในสิงคโปร์

-- สมาคมผู้แทนจำหน่ายรถยนต์แห่งญี่ปุ่น (JADA) ร่วมกับสมาคมยานยนต์ขนาดเล็กและจักรยานยนต์ของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ ณ สิ้นสุดปีงบประมาณ 2560 เพิ่มขึ้น 2.3% จากปีก่อนหน้า แตะที่ระดับ 5,197,107 คัน เนื่องจากความนิยมที่มีต่อยานพาหนะรุ่นใหม่ๆ ขณะที่กรณีอื้อฉาวของสองผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายเท่าไรนัก

รายงานระบุว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ทะลุระดับ 5 ล้านคันเป็นปีที่สองติดต่อกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ