World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 3 เมษายน 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday April 3, 2018 09:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (2 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยล่าสุดจีนได้ออกมาตรการตอบโต้สหรัฐด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจำนวนมากกว่า 100 รายการ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และกูเกิล)

-- รัฐบาลจีนได้ตัดสินใจเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้า 120 รายการจากสหรัฐ ซึ่งรวมถึงผลไม้และผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับผลไม้ ในอัตรา 15% และเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอีก 8 รายการ ซึ่งรวมถึงเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหมู ในอัตรา 25%

มาตรการดังกล่าวของจีนถือเป็นการตอบโต้สหรัฐที่ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และภาษีนำเข้าอลูมิเนียมในอัตรา 10% จากประเทศต่างๆ รวมถึงจีน นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังได้ลงนามในคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน วงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยกล่าวหาว่า จีนดำเนินนโยบายการค้าและการลงทุนที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งรวมถึงการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาจากสหรัฐ

-- หุ้นอเมซอน ร่วงลงเกือบ 6% ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกมากล่าวโจมตีบริษัทอเมซอนว่า เอาเปรียบการไปรษณีย์สหรัฐ (USPS) และเป็นสาเหตุที่ทำให้การไปรษณีย์สหรัฐขาดทุนจำนวนมาก โดยการโจมตีบริษัทค้าปลีกออนไลน์รายใหญ่ครั้งนี้มีขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ปธน.ทรัมป์ก็ได้ทวีตโจมตีอเมซอนมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยกล่าวหาว่าการขนส่งสินค้าของอเมซอนส่งผลกระทบต่อร้านค้าปลีกและรัฐบาลท้องถิ่น

-- หุ้นเทสลา มอร์เตอร์ส ดิ่งลงกว่า 5% ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังจากทางบริษัทได้ออกมายอมรับว่า รถยนต์รุ่นเทสลา โมเดล เอ็กซ์ ที่ประสบอุบัติเหตุชนเข้ากับแนวกั้นถนนและรถอีก 2 คันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จนส่งผลให้ชายผู้ขับขี่วัย 38 ปีเสียชีวิตนั้น วิ่งอยู่ในโหมดขับเคลื่อนอัตโนมัติ

-- รัฐบาลจีนเรียกร้องให้จัดการเจรจาการค้ากับสหรัฐ เพื่อป้องกันผลกระทบด้านความสัมพันธ์ระหว่างกัน ขณะเดียวกันก็ประกาศว่ามาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้ากว่า 100 รายการจากสหรัฐนั้น มีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่เมื่อวันจันทร์

กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐไม่ได้ตอบสนองต่อคำร้องของจีนเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ซึ่งต้องการให้มีการทบทวนมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม พร้อมเสริมว่า ทางการจีนได้รับเสียงสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากสาธารณชนในการบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดเพิ่มขึ้น และย้ำจุดยืนของจีนว่า ความขัดแย้งควรได้รับการแก้ไขผ่านการเจรจา

-- ธนาคารกลางออสเตรเลียมีกำหนดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ที่ประชุมจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ด้านนักเศรษฐศาสตร์หลายรายมองว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของออสเตรเลียอาจสูงกว่าศักยภาพที่คาดการณ์เอาไว้ แต่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลาง 2%-3% ขณะที่เสถียรภาพในการลงทุนด้านเหมืองแร่อาจยังไม่ประสบความสำเร็จจนกว่าปี 2562

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างขยับขึ้น 0.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากทรงตัวในเดือนมกราคม โดยการใช้จ่ายในโครงการก่อสร้างของภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนกุมภาพันธ์ การใช้จ่ายในโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 0.1% ส่วนการใช้จ่ายในโครงการที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยพุ่งขึ้น 1.5%

สำหรับการใช้จ่ายในโครงการภาคสาธารณะดิ่งลง 2.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ส่วนการใช้จ่ายในโครงการของรัฐบาลท้องถิ่นและรัฐบาลในมลรัฐลดลง 1.0% และการก่อสร้างในโครงการของรัฐบาลกลางดิ่งลง 11.9% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2547

-- ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ร่วงลงสู่ระดับ 59.3 ในเดือนมีนาคม จากระดับ 60.8 ในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะปรับตัวสู่ระดับ 60.0 โดยดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะขยายตัวของภาคการผลิต และเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 19

-- ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.6 ในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2558 จากระดับ 55.3 ในเดือนกุมภาพันธ์ นอกจากนี้ ค่าเฉลี่ยของดัชนี PMI ในไตรมาสแรกของปีนี้แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2557

-- ทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะพบปะกับนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่รีสอร์ท Mar-a-Lago ของปธน.ทรัมป์ที่รัฐฟลอริดาในวันที่ 17-18 เมษายน โดยผู้นำทั้งสอง จะหารือกันในประเด็นเกาหลีเหนือ การค้าทวิภาคี และอาจรวมถึงกรณีที่ชาวญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งถูกเกาหลีเหนือลักพาตัวเมื่อหลายสิบปีก่อน ด้านแหล่งข่าวรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ในระหว่างการประชุมกับปธน.ทรัมป์ นายอาเบะอาจจะเรียกร้องให้สหรัฐยกเว้นมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก และอลูมิเนียมต่อญี่ปุ่นด้วย

-- ทำเนียบเครมลินแถลงว่า ยังไม่มีการหารือกันเกี่ยวกับการจัดประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นับตั้งแต่ผู้นำสหรัฐเสนอให้มีการจัดการประชุมดังกล่าวในการสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำรัสเซียเมื่อวันที่ 20 มีนาคม หลังความสัมพันธ์ระหว่างกันเผชิญความตึงเครียด นับตั้งแต่สหรัฐประกาศขับนักการทูตรัสเซีย 60 คนออกนอกประเทศ และปิดสถานกงสุลรัสเซียประจำนครซีแอตเติล โดยกล่าวหาว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารอดีตสายลับรัสเซียและบุตรสาวที่ลี้ภัยในอังกฤษ ซึ่งรัสเซียตอบโต้ด้วยการประกาศขับนักการทูตสหรัฐเช่นกัน

-- นายจัสติน คัตเชงโค รัฐมนตรีฝ่ายจัดการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ของปาปัวนิวกินี (PNG) กล่าวว่า พร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดเอเปกที่ปลอดภัย, สงบสุข และประสบความสำเร็จในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับปาปัวนิวกินีในการต้อนรับผู้นำจากประเทศชั้นนำของโลกจำนวน 21 ประเทศ

-- นายริคคาร์โด พูลิตี หัวหน้าฝ่ายพลังงานระดับโลกของธนาคารโลก กล่าวว่า การใช้ถ่านหินจะลดลงอย่างมากในช่วง 30 ปีข้างหน้า ขณะที่การใช้พลังงานทดแทนจะเพิ่มขึ้น แต่สำนักสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยเมื่อต้นปีนี้ว่า ปริมาณการใช้ถ่านหินของจีนเพิ่มขึ้น 0.7% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2556 โดยเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล นอกจากนี้ ถ่านหินยังคงเป็นแหล่งพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของจีน โดยมีสัดส่วนการใช้มากกว่า 60%

-- นายปาร์ค วอน-ซูน นายกเทศมนตรีกรุงโซลของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า กรุงโซลกำลังพัฒนาสร้างสกุลเงินดิจิทัลชื่อ "S-Coin" เพื่อใช้ในโครงการสวัสดิการสังคมที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากกรุงโซล สำหรับข้าราชการ, ผู้หางานทำ และประชาชนทั่วไป แต่การที่จะมีการใช้ S-Coin ดังกล่าว จำเป็นที่จะต้องมีการปรับแก้กฎหมายเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งตนจะเป็นผู้ผลักดันการดำเนินการดังกล่าว นอกจากนี้ยังจะตั้งกองทุนขึ้นเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง

-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยเกาหลีใต้จะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่มาร์กิตจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนมีนาคมของเยอรมนี ฝรั่งเศส อียู และอังกฤษ ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยยอดขายรถเดือนมีนาคม

ส่วนในวันพรุ่งนี้ออสเตรเลียจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่จีนจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมีนาคมจากไฉซิน ด้านอียูเตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมีนาคม จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมีนาคม จากมาร์กิต,ดัชนีภาคบริการเดือนมีนาคม จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และคำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนกุมภาพันธ์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ