World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 5 เมษายน 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 5, 2018 09:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีนต่างก็ออกมาส่งสัญญาณว่า ทั้งสองประเทศยินดีที่จะจัดการเจรจาเพื่อคลี่คลายข้อพิพาทด้านการค้า โดยนายแลร์รี่ คุดโลว์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า ทั้งสหรัฐและจีนยังมีเวลาในการแก้ไขความขัดแย้งดังกล่าว

นายคุดโลว์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้สหรัฐยังไม่มีการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีน และจีนก็ยังไม่ได้บังคับใช้มาตรการดังกล่าวกับสหรัฐเช่นกัน พร้อมกล่าวว่า คณะทำงานของปธน.ทรัมป์กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับจีน มากกว่าที่จะประกาศสงครามการค้ากับจีน โดยทั้งสองประเทศมีเวลาอย่างน้อย 2 เดือนก่อนที่จะตัดสินใจบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้า

ทางด้านนายชุย เถียนไค เอกอัคราชทูตจีนประจำสหรัฐกล่าวว่า ทางเลือกแรกของจีนควรจะเป็นการหันหน้าเจรจาการค้ากับสหรัฐ โดยจีนพร้อมที่จะเจรจาและปรึกษาหารือกับสหรัฐ อย่างไรก็ตาม หากสหรัฐกระทำการใดๆที่ตรงกันข้าม จีนก็พร้อมจะตอบโต้

-- รายงานของรัฐบาลเกาหลีใต้ระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ภายในประเทศขยายตัวในอัตราเลข 2 หลักในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการด้านบริการจัดส่งอาหารเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว

ยอดสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ของเกาหลีใต้ในเดือนกุมภาพันธ์คิดเป็นมูลค่า 7.9 ล้านล้านวอน (ประมาณ 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 11.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งที่ 23 ซึ่งเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์นั้น ส่งผลทำให้ความต้องการของบริการจัดส่งอาหารออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น

-- สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้ออกมาวิจารณ์รัฐบาลจีนที่ได้เพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐ 128 รายการเพื่อเป็นการตอบโต้สหรัฐที่เรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าจากจีนและประเทศอื่นๆ โดยสหรัฐมองว่า การตอบโต้ของจีน "ไม่มีมูลเหตุ" เพียงพอตามระเบียบขององค์การการค้าโลก (WTO)

USTR ระบุในหนังสือที่ได้ยื่นต่อจีนและ WTO ว่า "การที่จีนได้ตัดสินใจเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในวงเงินกว่า 3 พันล้านนั้นไม่มีมูลเหตุเพียงพอตามระเบียบของ WTO"

-- สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนมี.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.4% เมื่อเทียบรายปี โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.1% ในเดือนก.พ.

สำหรับปัจจัยหลักที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนปรับตัวขึ้นได้เป็นครั้งแรก หลังจากที่ลดลงติดต่อกันมา 3 เดือน ได้แก่ ราคาอาหาร แอลกอฮอล์และยาสูบ ซึ่งปรับตัวขึ้น 2.2% เทียบกับที่เพิ่มขึ้นเพียง 1.0% ในเดือนก.พ.

ขณะที่ราคาพลังงานขยายตัว 2.0% ในเดือนมี.ค. ชะลอลงเล็กน้อย จากที่เพิ่มขึ้น 2.1% ในเดือนก.พ.

-- กระทรวงน้ำมันของบาห์เรนแถลงในวันนี้ว่า บาห์เรนสามารถค้นพบบ่อน้ำมันใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ที่เริ่มการผลิตน้ำมันมานานเกือบ 90 ปี โดยแหล่งน้ำมันดังกล่าวมีปริมาณน้ำมันอย่างน้อย 8 หมื่นล้านบาร์เรล

บริษัทที่ปรึกษาน้ำมัน เช่น DeGolyer, MacNaughton, Halliburton และ Schlumberger ต่างก็ยืนยันการค้นพบน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในบ่อนอกชายฝั่งตะวันตกของบาห์เรนในบริเวณคาลีจ อัล บาห์เรน เบซิน โดยคาดว่ามีน้ำมันดิบอย่างน้อย 8 หมื่นล้านบาร์เรล และมีก๊าซธรรมชาติ 10-20 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต

เจ้าหน้าที่คาดว่าบ่อแรกที่มีการขุดจะสามารถผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในเดือนส.ค. ขณะที่การดำเนินการในช่วง 2 ปีข้างหน้าจะเน้นหนักในการผลิตในปริมาณมากที่สุด และมีความคุ้มค่าในเชิงพาณิชย์

-- คณะกรรมาธิการฝ่ายพลังงานและพาณิชย์ประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐแถลงในวานนี้ว่า นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊ก จะเข้าให้การต่อทางคณะกรรมาธิการ กรณีการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวน 50 ล้านคน ในวันที่ 11 เม.ย.

อย่างไรก็ดี นายซัคเคอร์เบิร์กจะไม่เดินทางไปชี้แจงต่อรัฐสภาอังกฤษ โดยเฟซบุ๊กจะส่งนายไมค์ ชโรเฟอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี หรือนายคริส ค็อกซ์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการดิจิทัล, วัฒนธรรม, สื่อ และกีฬาของรัฐสภาอังกฤษ แทนนายซัคเคอร์เบิร์ก

-- ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ร่วงลงสู่ระดับ 54.0 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 55.9 ในเดือนก.พ.

อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว โดยได้แรงหนุนจากการจ้างงาน และคำสั่งซื้อใหม่

-- นายมาร์ค แซนดี หัวหน้านักวิเคราะห์ของมูดี้ส์ อนาลิติคส์ กล่าวว่า การดำเนินมาตรการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าตามนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และการตอบโต้จากชาติอื่นๆ โดยเฉพาะจากจีน จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐไม่มากนัก โดยคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.1-0.2% ของ GDP ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

อย่างไรก็ดี นายแซนดีกล่าวเตือนว่า หากความตึงเครียดทางการค้าลุกลามออกไป ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้น

-- จับตาสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2543 หรือต่ำสุดในรอบกว่า 17 ปี จากระดับ 4.1% ในเดือนก.พ.

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ออสเตรเลียจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนก.พ. ขณะที่มาร์กิตจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมี.ค.ของฝรั่งเศส เยอรมนี อียู และอังกฤษ ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนก.พ. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือนก.พ.และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนมี.ค. ขณะที่เยอรมนีจะเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. และฝรั่งเศสจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนก.พ.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ