สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียเปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขจ้างงานของออสเตรเลียปรับตัวขึ้น 4,900 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 20,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานเดือนมี.ค.อยู่ที่ระดับ 5.5% ซึ่งขยับลงจากระดับ 5.6% ในเดือนก.พ. ส่วนการจ้างงานเต็มเวลาในเดือนมี.ค. ลดลง 19,900 ตำแหน่ง และการจ้างงานพาร์ทไทม์พุ่งขึ้น 24,800 ตำแหน่ง
--ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นตัวสะท้อนราคาสินค้าและการบริการในกลุ่มซัพพลายเออร์ อยู่ที่ระดับ 104.07 ในเดือนมี.ค. ซึ่งแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับของเดือนก.พ. โดยมีสาเหตุมาจากราคาสินค้าเกษตรที่เริ่มทรงตัว
--สำนักงานบริหารเงินตราต่างประเทศของจีน (SAFE) เปิดเผยว่า ยอดการขายเงินตราต่างประเทศสุทธิในไตรมาส 1 ของธนาคารพาณิชย์ของจีน อ่อนตัวลงอย่างมาก โดยธนาคารจีนได้เข้าซื้อสกุลเงินต่างประเทศมูลค่า 4.342 แสนล้านดอลลาร์ และได้ขายไปในมูลค่า 4.525 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. ส่งผลให้ยอดขายสุทธิอยู่ที่ 1.83 หมื่นล้านดอลลาร์ นับเป็นตัวเลขที่อ่อนตัวลงถึง 55% ขณะที่กระแสเงินทุนหมุนเวียนข้ามแดนยังคงอยู่ในภาวะที่สมดุลและมีเสถียรภาพ
--กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงานเตือนว่า ปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อระบบการเงินทั่วโลกนั้น กำลังเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาสินทรัพย์เสี่ยงพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง ซึ่งคล้ายกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนที่จะเกิดวิกฤตการเงินโลก
--มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส คาดการณ์ว่า รัสเซียจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ เนื่องจากสถาะการเงินที่แข็งแกร่งของรัสเซียทั้งภายในและต่างประเทศนั้น จะช่วยลดผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การที่รัสเซียถูกคว่ำบาตรนั้นอาจจะส่งผลกระทบในด้านลบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทเอกชนบางแห่งของรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัท United Company Rusal ซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมิเนียมชั้นนำของโลก และเป็นหนึ่งในบริษัทที่ถูกสหรัฐคว่ำบาตรครั้งนี้ด้วย
--กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศในวันนี้ว่า รัฐบาลจะใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดต่อผลิตภัณฑ์ยางคลอโรบิวทิลที่นำเข้าจากสหรัฐ สหภาพยุโรป (อียู) และสิงคโปร์ โดยยางคลอโรบิวทิลเป็นยางสังเคราะห์ที่ใช้ในแวดวงอุตสาหกรรม
--สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักรปรับตัวลดลง 1.2% เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งลดลงมากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยสาเหตุที่ยอดค้าปลีกปรับตัวลงนั้น เนื่องจากขณะนั้นเกิดภัยหิมะตกและอุณหภูมิลดลงต่ำ ส่งผลให้ผู้บริโภคไม่ออกจากบ้าน