World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 25 เมษายน 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 25, 2018 09:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (24 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 3% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปีนั้น จะส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนปรับตัวสูงขึ้น และอาจเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ โดยความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงแคทเธอร์พิลลาร์ และล็อคฮีด มาร์ติน

-- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 3% เมื่อคืนนี้ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.2557

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 3.001% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.171%

ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินพุ่งขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะเป็นปัจจัยฉุดตลาดหุ้นวอลล์สตรีท และตลาดหุ้นทั่วโลก โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสำหรับอัตราเงินกู้จำนอง และอัตราดอกเบี้ยตราสารหนี้ และเครื่องมือทางการเงินในระบบ

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวเมื่อวานนี้ว่า เกาหลีเหนือต้องการที่จะให้มีการจัดประชุมสุดยอดกับสหรัฐโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้กล่าวยกย่องนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือว่า เป็นคนเปิดเผย และมีเกียรติ

อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์ยืนยันว่า เขาจะยังคงกดดันเกาหลีเหนือต่อไป จนกว่าจะมีการปลดอาวุธนิวเคลียร์

ทั้งนี้ คาดกันว่าการประชุมสุดยอดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนืออาจมีขึ้นในปลายเดือนหน้า หรือต้นเดือนมิ.ย. หลังจากการประชุมสุดยอดระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ในวันศุกร์นี้

-- นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ เตรียมเดินทางเยือนจีนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพื่อเจรจาทางการค้า ขณะที่จีนได้ส่งสัญญาณถึงความพร้อมในการปรับนโยบายตอบโต้สหรัฐให้มีความรุนแรงมากขึ้น หากสหรัฐยังเดินหน้ากดดันจีนด้านการค้าต่อไป

-- ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.ของเกาหลีใต้ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งการแข็งค่าของสกุลเงินวอน

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCSI) เดือนเม.ย. อยู่ที่ระดับ 107.1 ลดลง 1 จุดจากระดับของเดือนมี.ค. โดยดัชนีความเชื่อมั่นเดือนเม.ย.ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5

อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางเกาหลีใต้ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงยืนเหนือระดับเฉลี่ยระยะยาวที่ 100 ซึ่งบ่งชี้ว่า ผู้บริโภคที่มีมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจนั้น มีจำนวนมากกว่าผู้บริโภคที่มีมุมมองเป็นลบ

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า สหราชอาณาจักรมีตัวเลขขาดดุลงบประมาณที่ระดับ 4.26 หมื่นล้านปอนด์ในปีงบประมาณที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี

ONS ระบุว่า เมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้า ตัวเลขขาดดุลงบประมาณดังกล่าวลดลง 8% จากระดับ 4.52 หมื่นล้านปอนด์

นอกจากนี้ ตัวเลขขาดดุลงบประมาณยังต่ำกว่าที่กระทรวงการคลังตั้งเป้าที่ระดับ 5 หมื่นล้านปอนด์เมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว

-- ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 6.3% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี โดยสูงกว่าระดับ 6.1% ในเดือนม.ค. โดยราคาบ้านได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง และภาวะสต็อกบ้านในระดับต่ำ

ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ ทะยานขึ้น 6.8% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 6.4% ในเดือนม.ค.

-- Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีร่วงลงสู่ระดับ 102.1 ในเดือนเม.ย. หลังจากอยู่ที่ระดับ 103.3 ในเดือนมี.ค. โดยปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 102.8 ขณะที่ได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ผลสำรวจพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะธุรกิจในปัจจุบันได้ปรับตัวลงสู่ระดับ 105.7 ขณะที่ดัชนีคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้าดิ่งลงแตะระดับ 98.7

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 4.0% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 694,000 ยูนิต หลังจากแตะระดับ 667,000 ยูนิตในเดือนก.พ. โดยยอดขายบ้านใหม่ที่เพิ่มขึ้นในเดือนมี.ค. ได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่พุ่งขึ้นในภาคตะวันตก และภาคใต้

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่ตลาดจับตาในวันนี้ ได้แก่การเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.ของฝรั่งเศส และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ จะมีการเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2561 ของเกาหลีใต้ และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ