World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 2 พฤษภาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 2, 2018 09:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (1 พ.ค.) จากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ พร้อมจับตาสถานการณ์ด้านการค้าอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

-- ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีนจะจัดการเจรจาร่วมกันเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งจะเริ่มในวันพฤหัสบดีนี้ โดยการเจรจาดังกล่าวจะจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน

สำหรับเจ้าหน้าที่สหรัฐที่จะเดินทางไปร่วมเจรจากับจีนในครั้งนี้ รวมถึงนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลัง นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) และนายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์

ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ทวิตข้อความว่า การเจรจาครั้งนี้เป็น "นิมิตหมายที่ดีสำหรับสหรัฐ"

-- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน อยู่ที่ระดับ 51.1 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 51.0 ในเดือนมี.ค.

ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนยังคงมีการขยายตัว และดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวในภาคการผลิต

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ปรับตัวขึ้น 1.6% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยได้แรงหนุนจากราคาสินค้าเกษตรและการบริการที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยดัชนี CPI เดือนเม.ย.มีการขยายตัวรวดเร็วกว่าเดือนมี.ค. ซึ่งปรับตัวขึ้นเพียง 1.3% เทียบเป็นรายปี

-- ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ลดลงสู่ระดับ 57.3 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 59.3 ในเดือนมี.ค. ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าดัชนีจะปรับตัวลงสู่ระดับ 58.4

รายงานระบุว่า นโยบายเศรษฐกิจและการค้าของรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของปธน.ทรัมป์นั้น สร้างทั้งแรงหนุนและแรงกดดันต่อภาคการผลิต โดยคาดว่าการลดภาษีจะช่วยกระตุ้นความต้องการในประเทศ ขณะที่ต้นทุนวัสดุกำลังปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเพิ่มอัตราการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม นอกจากนี้ ราคาพลังงานก็ปรับตัวอยู่ในช่วงขาขึ้นเช่นกัน

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างลดลง 1.7% ในเดือนมี.ค. หลังจากขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.พ. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมี.ค.

-- อิหร่าน ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับสามของกลุ่มโอเปก ทำสถิติส่งออกน้ำมันรวม 2.61 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือนเม.ย. สูงกว่าสถิติก่อนหน้านี้ที่ 2.44 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งทำไว้ในเดือนต.ค.2559

ทั้งนี้ หากปธน.ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ก็จะปูทางให้สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ ซึ่งจะทำให้อิหร่านไม่สามารถส่งออกน้ำมันสู่ตลาด และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น

-- เกาหลีเหนือได้ประกาศปลดลำโพงของเครื่องขยายเสียงในการโฆษณาชวนเชื่อตามชายแดนที่ติดกับเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 1 พ.ค. เพื่อให้เป็นไปตามปฏิญญาปันมุนจอม ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ลงนามโดยผู้นำเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ภายหลังการประชุมร่วมกันในเขตหมู่บ้านปันมุนจอม ซึ่งกั้นระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้

-- ธนาคารกลางออสเตรเลียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้

-- บริษัทแอปเปิล อิงค์ เปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2 ในปีงบดุลบัญชีของบริษัท เพิ่มขึ้น 16% แตะที่ 6.11 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 6.09 หมื่นล้านดอลลาร์ นับเป็นการเติบโตที่เร็วที่สุดในรอบ 2 ปี ขณะที่กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 2.73 ดอลลาร์ ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับกระแสข่าวที่ว่าปริมาณอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ iPhone ในตลาดทั่วโลกลดลง

-- บริษัท นิสสัน มอเตอร์ส เปิดเผยยอดขายรถยนต์เดือนเม.ย. ร่วงลงอย่างหนักถึง 28% เช่นเดียวกับยอดขายรถยนต์ของบริษัทอื่น ส่งผลให้ราคาหุ้นของนิสสันดิ่งลง 1.8% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นโตเกียวช่วงเช้านี้

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าจับตาซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.ของญี่ปุ่น และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนเดือนเม.ย.จากไฉซิน

ส่วนในวันพรุ่งนี้ จะมีการเปิดเผยดุลการค้าเดือนมี.ค ของออสเตรเลีย ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เบื้องต้นเดือนเม.ย และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค.ของสหภาพยุโรป (EU) ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนมี.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ