World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 7 พฤษภาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 7, 2018 08:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

การเจรจาการค้าเป็นเวลา 2 วันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีนซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น ทั้งสองฝ่ายไม่มีการทำข้อตกลงใดๆ และไม่มีการกำหนดวันเวลาในการเจรจาครั้งต่อไป

อย่างไรก็ตาม สื่อรายงานว่า คณะเจรจาการค้าของสหรัฐได้ยื่นข้อเรียกร้องหลายประการต่อจีนเพื่อลดความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศ โดยรัฐบาลสหรัฐต้องการให้จีนลดตัวเลขการเกินดุลการค้ากับสหรัฐลง 2 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2563 พร้อมกับเรียกร้องให้จีนยุติการให้เงินอุดหนุนต่ออุตสาหกรรมที่มีการระบุไว้ รวมทั้งยุติการใช้นโยบายที่สนับสนุนการถ่ายโอนเทคโนโลยี และยกเลิกการพุ่งเป้าสินค้าเกษตรของสหรัฐ นอกจากนี้ สหรัฐยังขู่ว่าพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราภาษีต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีนต่อไป หากจีนปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามข้อตกลง

ทางด้านตัวแทนการเจรจาจากฝ่ายจีนได้เสนอที่จะลดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐ และเรียกร้องให้สหรัฐปฏิบัติอย่างเท่าเทียมต่อการลงทุนของจีนในสหรัฐ โดยเฉพาะหากมีการพิจารณาประเด็นความมั่นคงของชาติ และให้สหรัฐยกเลิกการออกข้อจำกัดต่อการลงทุนของจีน

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อวันศุกร์ (4 พ.ค.) โดยได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ขานรับรายงานข่าวที่ว่าบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐ ได้ทุ่มเงินซื้อหุ้นของบริษัทแอปเปิลมากถึง 75 ล้านหุ้นในไตรมาสแรกของปีนี้

ทั้งนี้ เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ได้ทุ่มเงินซื้อหุ้นของบริษัทแอปเปิลมากถึง 75 ล้านหุ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ จากเดิมที่มีอยู่แล้วราว 165.3 ล้านหุ้น โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นแอปเปิล ทะยานขึ้นเกือบ 4% และทำให้ราคาหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นด้วย

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนเม.ย. โดยเพิ่มขึ้นเพียง 164,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 192,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 135,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2543 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 4.0%

ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.15% โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.2% จากระดับ 0.3% ในเดือนมี.ค. และเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.7% ในเดือนมี.ค.

ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างต่อชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ

-- เกาหลีเหนือระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐไม่ใช่เหตุผลที่เกาหลีเหนือยอมยกเลิกการใช้อาวุธนิวเคลียร์ พร้อมกล่าวตำหนิที่สหรัฐพยายามสร้างความตึงเครียดก่อนที่การประชุมสหรัฐ-เกาหลีเหนือจะเปิดฉากขึ้น

สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือระบุว่า สหรัฐบิดเบือนความจริงโดยกล่าวว่ามาตรการคว่ำบาตรของตนได้ผล ทำให้ภาพลักษณ์ของเกาหลีเหนือดูอ่อนแอลง

-- นายไบจาน นัมดาร์ ซานกาเนห์ รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของอิหร่าน ได้กล่าวแสดงจุดยืนว่า อิหร่านสนับสนุนราคาน้ำมันในระดับที่สมเหตุสมผล โดยอิหร่านขอไม่สนับสนุนการดำเนินการใดๆที่จะส่งผลให้ราคาน้ำมันแพงขึ้น

ขณะเดียวกัน นายอามีร์ ฮุสเซน ซามานิเนีย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงน้ำมัน เปิดเผยว่า อิหร่านต้องการให้ราคาน้ำมันอยู่ที่ระดับ 60-65 ดอลลาร/บาร์เรล

ถ้อยแถลงดังกล่าวสวนทางความต้องการของซาอุดีอาระเบียอย่างชัดเจน โดยก่อนหน้านี้ นายจิฮัด อาซูร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการตะวันออกกลางและเอเชียกลางของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า ซาอุดีอาระเบียต้องการราคาน้ำมันที่ระดับเฉลี่ย 85-87 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ เพื่อช่วยให้งบประมาณของรัฐบาลอยู่ในภาวะสมดุล

-- ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เตรียมพบปะกับนายมูน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ที่กรุงวอชิงตันในวันที่ 22 พ.ค. นี้ ก่อนที่การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือจะมีขึ้นในช่วงต้นเดือนมิ.ย.

แถลงการณ์ระบุว่า ผู้นำสหรัฐและเกาหลีใต้จะหารือในเรื่องนโยบายเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ เพื่อปูทางสู่การเจรจาให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์

-- นายราฟาเอล บอสติค ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา กล่าวแสดงความเห็นว่า เฟดควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ แม้ว่ามาตรการปรับลดอัตราภาษี, การใช้จ่ายของรัฐบาล และแนวโน้มเศรษฐกิจที่สดใส อาจทำให้เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่านี้ก็ตาม

ทางด้านนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังมีการขยายตัวที่แข็งแกร่ง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อกำลังขยับเข้าใกล้เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%

-- หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานว่า รถยนต์ไฮบริดที่มีการใช้เครื่องยนต์แบบดั้งเดิม เช่น โตโยต้า พรีอุส จะถูกสั่งห้ามวิ่งบนถนนในอังกฤษภายในปี 2583 ภายใต้แผนที่รัฐบาลกำลังร่างอยู่ในขณะนี้ ซึ่งจะทำให้รถยนต์จำนวน 98% ในปัจจุบันเป็นรถยนต์ผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ รถยนต์พรีอุส ซึ่งเป็นรถยนต์ไฮบริดที่ขายดีที่สุดในอังกฤษ จะไม่ถูกจัดประเภทให้เป็นรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกต่อไป

-- ตลาดการเงินจับตาท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ซึ่งมีเวลาจนถึงวันที่ 12 พ.ค.นี้ว่า จะตัดสินใจถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ชาติมหาอำนาจทำไว้กับอิหร่านหรือไม่ โดยข้อตกลงฉบับนี้เกิดจากลงนามในปี 2558 ระหว่างอิหร่านและกลุ่มประเทศ P5+1 ได้แก่ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ และเยอรมนี ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวกำหนดให้ P5+1 ผ่อนปรนการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ในขณะที่อิหร่านจะต้องระงับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ แต่เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ปีที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ประกาศไม่ให้การรับรองอิหร่านในการปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ โดยระบุว่าอิหร่านไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว และมีการละเมิดหลายครั้ง

ทั้งนี้ หากปธน.ทรัมป์ตัดสินใจถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ก็จะปูทางให้สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่

-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยในวันนี้ เนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB) จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนเม.ย.ของออสเตรเลีย ขณะที่อินโดนีเซียจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1, เยอรมนีจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมี.ค. และจีนจะเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนเม.ย.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ออสเตรแลียจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. ขณะที่จีนจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนเม.ย. เยอรมนีจะเปิดเผยดุลการค้าและการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. อังกฤษจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย.จากฮาลิแฟกซ์ และสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมเดือนเม.ย. โดยสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB)


แท็ก สหรัฐ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ