นายโทมัส เจ โดโนฮิว ประธานและซีอีโอของหอการค้าสหรัฐ กล่าววานนี้ว่า การเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราสูง และการใช้ไม้แข็งในการเจรจาทางการค้าของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สร้างความผันผวนและความเสียหายต่อภาคธุรกิจสหรัฐ
นายโดโนฮิวได้เขียนบทความลงในเว็บไซต์ของหอการค้าว่า "เราได้เตือนรัฐบาลสหรัฐแล้วว่า การจัดเก็บภาษีศุลกากรไม่ต่างอะไรกับการเรียกเก็บภาษีทั่วไป และภาษีที่รัฐบาลพยายามเรียกเก็บนั้นไม่ได้มาจากประเทศผู้ส่งออก แต่มาจากประชาชนภายในประเทศ"
นายโดโนฮิวกล่าวว่า "การเรียกเก็บภาษีจากรัฐบาลสหรัฐ รวมถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ได้สร้างความเสียหายให้กับภาคธุรกิจ"
บทความของนายโดโนฮิวระบุว่า ราคาเหล็กของสหรัฐพุ่งสูงขึ้นเกือบ 40% นับตั้งแต่เดือนมกราคม และราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นนั้นได้สร้างความวิตกกังวลอย่างหนักต่อบรรดาผู้รับเหมา
"หากรัฐบาลสหรัฐยังดึงดันที่จะใช้มาตรการดังกล่าวต่อไป ภาคธุรกิจของเราจะเสียลูกค้า ผู้คนจะตกงาน และผู้บริโภคของสหรัฐจะสูญเสียรายได้จากการเรียกเก็บภาษีในระดับสูง และสินค้าที่มีราคาแพงขึ้น" นายโดโนฮิวกล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลของปธน.ทรัมป์ได้สั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในอัตราสูง และเริ่มทำการตรวจสอบการนำเข้าในธุรกิจยานยนต์ ซึ่งส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากภาคธุรกิจและประเทศคู่ค้าของสหรัฐ