นักวิเคราะห์ชี้ชาวอเมริกันต้องจ่ายหนี้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นหลังเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 15, 2018 13:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์จากเว็บไซต์ CompareCards.com เปิดเผยว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% ในการประชุมล่าสุดนั้น จะส่งผลให้ผู้บริโภคชาวอเมริกันต้องจ่ายหนี้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นเป็นมูลค่ารวม 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

CompareCards.com ระบุว่า ผู้ถือบัตรเครดิตของสหรัฐ ซึ่งในปัจจุบันมียอดหนี้สินรวมกันราว 1 ล้านล้านดอลลาร์ตามข้อมูลของเฟดนั้น จะต้องจ่ายดอกเบี้ยรวมกัน 2.2 พันล้านดอลลาร์ เมื่ออัตราดอกเบี้ยถูกปรับขึ้น 0.25%

ทั้งนี้ โดยปกติแล้วการที่เฟดจะปรับขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น มีเป้าหมายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อของประเทศ และเมื่อใดที่อัตราดอกเบี้ยถูกปรับขึ้น ก็จะส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์มีต้นทุนในการกู้ยืมเพิ่มขึ้น และท้ายที่สุดจะทำให้ธนาคารผลักภาระต้นทุนนี้ให้กับผู้บริโภค

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

นอกจากนี้ คณะกรรมการเฟดได้ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยคาดว่าจะปรับขึ้นในเดือนก.ย. และธ.ค. ซึ่งส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4 ครั้งในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ