สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยว่า การจ้างงานโดยรวมในภาคการผลิตปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการเก็บข้อมูลโดยสำนักงานสถิติในปี 2548
ตัวเลขการจ้างงานในกลุ่มบริษัทผลิตเครื่องมือประมวลผลข้อมูล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และกล้องจุลทรรศ ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดถึง 4.1% รองลงมาคือการจ้างงานในกลุ่มบริษัทผลิตเครื่องมือด้านวิศวกรรม ซึ่งขยายตัว 3.4% และการจ้างงานในกลุ่มบริษัทผลิตภัณฑ์เหล็ก เพิ่มขึ้น 3.3%
อย่างไรก็ตาม แม้การจ้างงานในเยอรมนีปรับตัวขึ้น แต่เศรษฐกิจภายในประเทศยังคงมีแนวโน้มซบเซา โดยสถาบันเยอรมนีเพื่อการวิจัยเศรษฐกิจ (DIW) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของเยอรมนีลง จากเดิมที่คาดว่า GDP จะขยายตัว 2.2% ในปี 2561 ได้ปรับลดลงเป็น 1.9% ในขณะเดียวกันก็ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ของปี 2562 จากเดิมซึ่งคาดการณ์ไว้ที่ 2.4% เหลือเพียง 1.7%
สถาบันวิจัยจากกรุงเบอร์ลินยังระบุถึงความรู้สึกไม่มั่นคงที่สูงขึ้นในหมู่บริษัทเยอรมัน ขณะที่ต้องเผชิญกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างยุโรปและสหรัฐ ประกอบกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากวิกฤติหนี้ยูโรโซน
นายเฟอร์ดินานด์ ฟิชต์เนอร์ ผู้เชี่ยวชาญจาก DIW กล่าวในถ้อยแถลงว่า "ความขัดแย้งทางการค้ากับสหรั ฐและความวิตกในเรื่องความแน่นอนของชาติสมาชิกยูโรโซน โดยเฉพาะอิตาลี ทำให้บริษัทต่างๆเกิดความกังวล และเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากยิ่งขึ้น" ซึ่งส่งผลให้ GDP ของเยอรมนีในช่วง 2 ปีข้างหน้ามีแนวโน้มชะลอตัวลงจากการขยายตัวที่ระดับ 2.2% เมื่อปี 2560"