World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 6 กรกฎาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 6, 2018 09:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 25% วงเงินรวม 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ในวันนี้ ตามกำหนดการที่ได้วางไว้ โดยมีเป้าหมายที่จะตอบโต้จีนที่ขโมยเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เปิดเผยว่า สหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในวงเงินมากกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเกือบเท่ากับมูลค่าสินค้าที่สหรัฐนำเข้าจากจีนทั้งหมดในปีที่แล้ว ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสองประเทศ

ขณะเดียวกันปธน.ทรัมป์ยืนยันว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 25% วงเงินรวม 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ในวันนี้ ตามกำหนดการที่ได้วางไว้ เพื่อตอบโต้จีนที่ขโมยเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ

ปธน.ทรัมป์ได้เปิดเผยเรื่องดังกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ร่วมเดินทางไปกับเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ซึ่งมุ่งหน้าไปยังรัฐมอนทานา เมื่อวานนี้ โดยทรัมป์กล่าวว่า นอกเหนือจากการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ตามกำหนดในวันนี้แล้ว ในช่วงเวลา 2 สัปดาห์นี้ สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าอีก 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ รวมทั้งมีแผนเรียกเก็บภาษี 2 แสนล้านดอลลาร์ และอีก 3 แสนล้านดอลลาร์หลังจากนั้น

-- กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐกำลังทำร้ายตัวเอง รวมทั้งทำร้ายโลก ด้วยการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม

"ถ้าสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม ก็จะเป็นการเก็บภาษีต่อบริษัทในจีน และบริษัทที่อยู่ทั่วโลก รวมทั้งต่อบริษัทของสหรัฐเอง" นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าว

-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 12-13 มิ.ย. โดยระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ยังคงเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่ง และยังคงเชื่อมั่นในแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

อย่างไรก็ดี แม้กรรมการเฟดมีความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้า แต่ก็ยังยืนยันถึงจุดยืนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะช่วยสนับสนุนภาวะตลาดแรงงานให้แข็งแกร่ง และจะช่วยหนุนเงินเฟ้อให้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2% อีกครั้ง

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ ขานรับรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่าจะยุติการเรียกเก็บภาษีรถยนต์จากยุโรป ขณะที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ออกมาสนับสนุนให้สหภาพยุโรป (EU) ปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐเช่นกัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

-- แหล่งข่าวระบุว่า นายริชาร์ด เกรเนลล์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเยอรมนี กล่าวต่อผู้บริหารของบริษัทรถยนต์ยุโรปว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์พร้อมที่จะยกเลิกการเรียกเก็บภาษี 20% ต่อรถยนต์ที่นำเข้าจากยุโรป ถ้าหากยุโรปยกเลิกการจัดเก็บภาษีต่อรถยนต์สหรัฐเช่นเดียวกัน

-- นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวสนับสนุนให้สหภาพยุโรป (EU) ปรับลดอัตราภาษีต่อรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐ

ท่าทีของนางแมร์เคิลถือเป็นการขานรับข้อเสนอของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ระบุว่า สหรัฐพร้อมที่จะยกเลิกการเรียกเก็บภาษี 20% ต่อรถยนต์ที่นำเข้าจากยุโรป ถ้าหากยุโรปปรับลดภาษีต่อรถยนต์สหรัฐ

-- นายฮัสซัน รูฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน กล่าวเตือนว่า อิหร่านจะขัดขวางการขนส่งน้ำมันของประเทศต่างๆในภูมิภาค ถ้าหากสหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน

ด้านกองทัพเรือสหรัฐประกาศความพร้อมในการรักษาเสถียรภาพในการขนส่งสินค้าในอ่าวเปอร์เซีย หลังจากที่อิหร่านขู่ปิดช่องแคบฮอร์มุซเพื่อขัดขวางการขนส่งน้ำมันผ่านเส้นทางดังกล่าว

-- สิงคโปร์เตรียมสั่งปรับบริษัทแกร็บ และอูเบอร์ เทคโนโลยีส์ อิงค์ เนื่องจากการควบรวมกิจการของบริษัททั้งสองได้ทำให้แกร็บมีสถานะเป็นผู้นำในการให้บริการเรียกรถโดยสารผ่านแอพพลิเคชั่น ซึ่งจะกระทบต่อการแข่งขันในตลาด ทำให้ผู้แข่งขันรายใหม่ไม่สามารถเข้าตลาด

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 177,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 190,000 ตำแหน่ง

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 231,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 225,000 ราย

ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ชะลอตัวสู่ระดับ 56.5 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 56.8 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2558

ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐขยับขึ้น 0.5% สู่ระดับ 59.1 ในเดือนมิ.ย. โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ระบุก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 4.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะมีการรายงานในวันนี้ สหรัฐเตรียมเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย. เวลา 19.30 น. ตามเวลาไทย

นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.จะเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 ตำแหน่ง และคาดว่า อัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 3.8%

ส่วนตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนพ.ค.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 223,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 188,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.8% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2543 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 3.9%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ