World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 9 กรกฎาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Monday July 9, 2018 08:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก 99.74 จุด หรือ +0.41% เมื่อวันศุกร์ (6 ก.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 213,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 195,000 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ เพิ่มขึ้น 5 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.2% จากระดับ 0.3% ในเดือนพ.ค. และเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ระดับ 2.8% จากระดับ 2.7% ในเดือนพ.ค.

-- นักลงทุนยังคงจับตาการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐได้เรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนจำนวนมากกว่า 800 รายการ คิดเป็นมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนก็ได้ตอบโต้ด้วยการเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐในวงเงินที่เท่ากัน

ด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนล็อตที่ 2 วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ในเดือนส.ค.นี้ หลังจากการจัดประชุมเพื่อรับฟังความเห็นจากผู้นำภาคธุรกิจในวันที่ 24 ก.ค.นี้ และจากนั้นจะจัดทำประชามติเพื่อรับฟังความเห็นจากประชาชนในวันที่ 31 ก.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนล็อตที่ 2 ในเดือนนี้ เนื่องจากปธน.ทรัมป์ได้กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าอีก 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ "ในช่วง 2 สัปดาห์นี้"

-- นายเดวิด เดวิส รัฐมนตรีฝ่ายกิจการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ของอังกฤษ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งแล้ว โดยการตัดสินใจของนายเดวิสซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับหลายฝ่ายนั้น มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้รับเสียงสนับสนุนจากคณะรัฐมนตรีในเรื่องแผนการนำอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (EU) อย่างราบรื่น หรือ ซอฟต์ เบร็กซิต (Soft Brexit) ทั้งนี้ นายกฯเมย์และคณะรัฐมนตรีอังกฤษได้จัดประชุมร่วมกันเป็นเวลาหลายชั่วโมงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบต่อข้อเสนอของนายกฯเมย์ เพื่อให้การออกจาก EU เป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งรวมถึงการตกลงที่จะให้อังกฤษยังคงอยู่ใน "สถานะที่มีส่วนร่วม (collective position)" สำหรับการเจรจากับ EU ในอนาคต รวมทั้งข้อเสนอในการสร้างเขตการค้าเสรีระหว่างอังกฤษ และ EU

-- เสียวหมี่ คอร์ป บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนของจีน จะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงอย่างเป็นทางการวันนี้ หลังจากที่ทางบริษัทได้เสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในช่วงก่อนหน้านี้

เสียวหมี่ก่อตั้งขึ้นในปี 2553 โดยเรียกตนเองว่าเป็น "บริษัทอินเทอร์เน็ต" แม้ว่ากำไรส่วนใหญ่ของบริษัทจะมาจากยอดขายสมาร์ทโฟนก็ตาม เสียวหมี่จำหน่ายสินค้าราคาไม่แพงในประมาณ 70 ประเทศ โดยมีผลิตภัณฑ์มากกว่า 100 ชนิด ตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงกล่องเซ็ตท็อปบ็อกซ์ทีวี และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ บริษัททำรายได้จากการดำเนินงานได้ 1.146 แสนล้านหยวน (1.76 หมื่นล้านดอลลาร์) ในปี 2560 เพิ่มขึ้น 67% จากปี 2559

-- ยอดผู้เสียชีวิตจากฝนที่ถล่มลงมาอย่างหนักจนทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่นนั้น มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 88 รายในขณะนี้ และมีผู้สูญหายอีกกว่า 50 ราย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จากกองกำลังป้องกันตนเอง (SDF) และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่นๆของญี่ปุ่น ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยจนถึงขณะนี้ ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นได้ออกแถลงการณ์เตือนประชาชนถึงอันตรายของดินถล่มและน้ำท่วมหนัก

-- นายบิจาน ซานกาเนห์ รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของอิหร่านได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ กดดันให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เพิ่มกำลังการผลิตและลดราคาน้ำมันนั้น ถือเป็นการดูหมิ่นรัฐบาลและประเทศสมาชิกโอเปก พร้อมระบุว่า การผลิตน้ำมันและการส่งออกน้ำมันของอิหร่านจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แม้ถูกสหรัฐกดดันก็ตาม

-- เกาหลีเหนือได้ออกแถลงการณ์ตำหนิสหรัฐภายหลังการประชุมระหว่างนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศกับนายคิม ยอง ชอล รองประธานคณะกรรมการกลางพรรคแรงงานเกาหลีเหนือที่กรุงเปียงยางได้สิ้นสุดลงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยเกาหลีเหนือได้วิจารณ์สหรัฐด้วยว่า จุดยืนของสหรัฐนั้นเหมือนกับนักเลงโตที่ต้องการเกาหลีเหนือยกเลิกโครงการนิวเคลียร์

โฆษกของกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือได้ออกแถลงการณ์ที่มีใจความว่า สหรัฐได้เรียกร้องและสร้างปัญหาด้วยการเรียกร้องในเรื่องต่างๆที่คณะทำงานชุดก่อนๆเคยเรียกร้องมา

-- ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรในวันที่ 13 ก.ค. เพื่อ"หารือข้อราชการ"กับนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ทางด้านทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ออกมายืนยันการเดินทางดังกล่าวเช่นกัน

อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์ไม่มีกำหนดเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และสมาชิกของราชวงศ์อังกฤษในการเดินทางครั้งนี้แต่อย่างใด

-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยเยอรมนีจะเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดและดุลการค้าประจำเดือนพ.ค. ส่วนในวันพรุ่งนี้ จีนจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนมิ.ย. ขณะที่อังกฤษและฝรั่งเศสจะเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. และสถาบัน ZEW จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนก.ค.ของเยอรมนี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ