Spotlight: ภาคธุรกิจและการเกษตรท้องถิ่นสหรัฐวิตกผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของ "ทรัมป์"

ข่าวเศรษฐกิจ Monday July 9, 2018 14:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นับตั้งแต่มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์แห่งสหรัฐมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา บรรดาภาคธุรกิจและเกษตรกรสหรัฐต่างพากันออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายดังกล่าว โดยมองว่าเป็นการยั่วยุปลุกปั่น อีกทั้งสร้างความวิตกกังวลว่าจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ

ด้านกระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศมาตรการตอบโต้ทางการค้าทันทีหลังการตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์เกษตร และอุตสาหกรรมของสหรัฐจำนวนมาก ครอบคลุมตั้งแต่ถั่วเหลืองไปจนถึงอาหารทะเล

ทั้งนี้ ความเป็นไปได้ที่จะเกิดการตอบโต้ทางการค้านั้น ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับภาคธุรกิจสหรัฐ โดยบริษัทหลายแห่งเรียกร้องให้คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวลง

เกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับผลกระทบที่รุนแรงจากการตอบโต้ด้วยมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของจีน และการตัดสินใจของทำเนียบขาวครั้งนี้สามารถสร้างความแตกต่าง ด้วยการทำให้เกษตรกรเหล่านี้ประสบความสำเร็จหรือต้องเผชิญภาวะล้มละลายได้

อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ผู้คนจำนวนมากหันมาใช้ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ด้วยการติดแฮชแท็ก #facesoftariffs เพื่อเตือนนักการเมืองสหรัฐว่าวิถีการดำเนินชีวิตของพวกเขาอาจได้รับผลกระทบหากสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกทวีความรุนแรงขึ้น

ทั้งนี้ จีนถือเป็นตลาดส่งออกถั่วเหลืองรายใหญ่สุดของสหรัฐ ด้วยมูลค่าเกือบ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 1 ใน 3 ของปริมาณผลผลิตถั่วเหลืองทั้งหมดของสหรัฐในปี 2560

ด้านนายจอห์น เฮสดอร์เฟอร์ ประธานสมาคมผู้ผลิตถั่วเหลืองจากรัฐไอโอวาเน้นย้ำถึงความสำคัญของตลาดจีนและการลงทุนของเกษตรกรอเมริกันที่ทุ่มเทให้กับการมุ่งสู่ตลาดจีน

"จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาตลาดอันแข็งแกร่งที่เราต้องทำงานกันอย่างหนักเป็นเวลานานหลายทศวรรษ เพื่อสร้างสายสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน เนื่องจากจีนเป็นตลาดชั้นนำของเรา ด้วยการนำเข้าผลผลิตของเราถึง 31% เมื่อปีที่แล้ว นอกจากนี้จีนยังมีอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ขนาดใหญ่ซึ่งต้องพึ่งพาถั่วเหลือง รวมถึงอุตสาหกรรมฟาร์มเลี้ยงสุกรใหญ่ที่สุดในโลก ตลอดจนอุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำระดับโลก อุตสาหกรรมสัตว์ปีก ไข่ไก่ นมและเนื้อวัว"

นายเฮสดอร์เฟอร์ย้ำว่า "จีนเป็นหุ้นส่วนการค้าที่สำคัญและเราจำเป็นต้องทำธุรกิจกับประเทศจีนต่อไปโดยไม่ต้องการอัตราภาษีเหล่านี้"

ด้านเจเนรัล มอเตอร์ (GM) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐกำลังเฝ้าจับตาความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นจากสงครามการค้าที่รัฐบาลสหรัฐกำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้เช่นเดียวกัน โดยผู้บริหารของ GM ได้ส่งคำร้องเร่งด่วนให้กับฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐ เพื่อแสดงจุดยืนที่ต้องการให้รัฐบาลสหรัฐระงับการดำเนินมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน

แถลงการณ์ของ GM เตือนว่า "การเพิ่มภาษีนำเข้าอาจทำให้ GM ต้องปรับลดขนาดการดำเนินงานทั้งในประเทศและต่างประเทศลงและเสี่ยงต่อการจ้างงานของสหรัฐ"

นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า "ประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันของ GM ส่วนใหญ่มาจากกระแสโลกาภิวัฒน์ ดังนั้นการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันให้กับคู่แข่ง จึงอาจทำให้การจ้างงานของสหรัฐจำนวนกว่า 110,000 ตำแหน่งตกอยู่ในความเสี่ยง"

อย่างไรก็ดี ไม่เพียงแต่บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เตรียมเผชิญหน้ากับการลดลงของยอดขาย ธุรกิจเล็กๆในครอบครัวก็ต้องตกอยู่ในสภาวะไม่แน่นอนเช่นกัน อาทิเช่น ธุรกิจโรงกลั่นสุราขนาดเล็กแห่งหนึ่งในเมืองเล็กซิงตัน รัฐเคนตักกี โดยเจ้าของกิจการเปิดเผยว่า ก่อนการเจรจาหารือเกี่ยวกับมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้า ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยชื่อเสียงของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สหรัฐที่เริ่มได้รับการยอมรับอย่างช้าๆในตลาดยุโรปและเอเชีย แต่ขณะนี้การตอบโต้ด้วยมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้า ได้สร้างความผิดหวังให้กับบรรดาธุรกิจต่างๆเป็นอย่างมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ