World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 10 กรกฎาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 10, 2018 09:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 320.11 จุด หรือ +1.31% เมื่อคืนนี้ (9 ก.ค.) โดยดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ต่างก็ทำสถิติปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบกว่า 1 เดือน โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ดีดตัวขึ้น ก่อนที่ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐจะทยอยเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มอุตสาหกรรม รวมทั้งการที่นักลงทุนยังคงขานรับตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเช่นกัน

-- นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษต้องเผชิญกับการต่อสู้ในวิกฤตการณ์ทางการเมืองอย่างเต็มรูปแบบ หลังรัฐมนตรี 3 คนในรัฐบาลประกาศลาออกภายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เพื่อแสดงจุดยืนประท้วงต่อต้านแผนซอฟต์ เบร็กซิต โดยการลาออกของนายบอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศที่เป็นแกนนำรณรงค์ให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (EU) ในปี 2559 ทำให้ความยุ่งเหยิงในรัฐบาลทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากนายเดวิด เดวิส รัฐมนตรีฝ่ายกิจการแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) และรัฐมนตรีช่วยประกาศลาออก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

การลาออกของรัฐมนตรีทั้งสามมีขึ้นหลังจากนางเมย์และคณะรัฐมนตรีอังกฤษได้จัดประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบต่อข้อเสนอของนายกฯเมย์ ซึ่งรวมถึงการให้อังกฤษยังคงอยู่ใน "สถานะที่มีส่วนร่วม (collective position)" สำหรับการเจรจากับ EU ในอนาคต และการจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างอังกฤษ และ EU

อย่างไรก็ดี เดวิด เดวิส กล่าวว่า เขาไม่สามารถสนับสนุนแผนการของนางเมย์ในการดำรงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ EU ต่อไป หลังจากที่อังกฤษแยกตัวออกมา พร้อมระบุว่า นางเมย์ยอมอ่อนข้อต่อ EU มากเกินไป และง่ายเกินไป

-- นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า รัฐสภาอังกฤษควรเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้น หลังอังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) รวมทั้งสถานการณ์ที่ว่า อังกฤษอาจจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรป (EU) ได้

ทั้งนี้ หากอังกฤษไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับ EU เกี่ยวกับ Brexit ก็จะส่งผลกระทบต่องบประมาณของ EU รวมทั้งสิทธิของประชาชนในสหราชอาณาจักร และ EU ในการอาศัย และเดินทางออกนอกประเทศ

-- นายอีลอน มัสก์ ผู้บริหารบริษัท เทสลา มอเตอร์, สเปซเอ็กซ์ และบอริ่ง คอมพานี ทวีตข้อความลงบนทวิตเตอร์ส่วนตัวเมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันนี้ว่า เขาเพิ่งกลับออกมาจากบริเวณโถง 3 ของถ้ำหลวง โดยได้มอบเรือดำน้ำขนาดจิ๋วที่มีชื่อว่า "Wild Boar" หรือ "หมูป่า" ให้กับประเทศไทย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการช่วยเหลือในอนาคต พร้อมกล่าวชมว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่สวยงาม

-- นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐแสดงความเชื่อมั่นว่านายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือจะเดินหน้ากระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ อย่างเคร่งครัดตามที่ได้ให้คำมั่นไว้ โดยผู้นำสหรัฐทวิตข้อความระบุว่า "ผมมีความเชื่อมั่นว่าคุณคิม จอง อึนจะปฏิบัติตามสัญญาที่เราได้ลงนาม และที่เราได้จับมือกัน โดยเราตกลงที่จะปลดอาวุธนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ แต่จีนอาจกำลังกดดันเกาหลีเหนือมิให้ทำตามข้อตกลงดังกล่าว เนื่องจากท่าทีของเราต่อการค้ากับจีน ซึ่งผมหวังว่าคงไม่เป็นเช่นนั้น"

ถ้อยแถลงของผู้นำสหรัฐมีขึ้นท่ามกลางการตั้งข้อสงสัยของหลายฝ่ายที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผลของการเจรจาระหว่างผู้นำสหรัฐ และเกาหลีเหนือ หลังเกาหลีเหนือออกแถลงการณ์ผ่านสื่อของรัฐ โดยระบุว่า ข้อเรียกร้องของสหรัฐเปรียบเสมือนอันธพาลและมะเร็ง

-- ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมและดินถล่มทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็น 126 คนแล้วและมีรายงานผู้สูญหายอีกกว่า 80 คน ประชาชนหลายหมื่นคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนหลังเผชิญฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน สร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง

ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นประกาศเตือนประชาชนถึงอัตรายของดินถล่มที่อาจจะเกิดขึ้นอีกได้ ถึงแม้ว่าปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ภัยพิบัติรุนแรงสุดจะลดลงแล้วนับตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่คาดยังมีประชาชนจำนวนมากตกค้างเนื่องจากถนนถูกตัดขาด ส่วนนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่าได้เพิ่มกำลังตำรวจ เจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันตนเอง และหน่วยกู้ภัยในพื้นที่เป็น 73,000 นายและเตรียมให้การสนับสนุนทางการเงินแก่พื้นที่ภัยพิบัติ

-- ทางการไต้หวันประกาศบริจาคเงินจำนวน 20 ล้านเยน (180,000 ดอลลาร์) หรือราว 6 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมหนักและดินถล่มทางตะวันตกของญี่ปุ่น โดยกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันแถลงว่า "เพื่อแสดงความห่วงใยจากรัฐบาลและประชาชนชาวไต้หวัน ทางรัฐบาลจึงได้ตัดสินใจบริจาคเงินจำนวน 20 ล้านเยนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุภัยพิบัติในครั้งนี้" และ "เราหวังว่าจะมีการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยในไม่ช้า และผู้ที่ได้รับผลกระทบจะกลับมามีชีวิตตามปกติโดยเร็วที่สุด"

-- บริษัท นิสสัน มอเตอร์ เปิดเผยว่า บริษัทตรวจพบการโกงการตรวจสอบรถยนต์ใหม่จำนวน 1,171 คันในโรงงาน 5 แห่งในญี่ปุ่น โดนนิสสันระบุว่า พนักงานแก้ไขข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยไอเสียและตัวเลขไมล์รถยนต์ ขณะที่การทดสอบการปล่อยไอเสียมีขึ้นในสภาวะแวดล้อมที่ไม่สอดคล้องกับที่มีการกำหนดไว้

ก่อนหน้านี้ นิสสันได้ถูกอัยการปรับเป็นเงินจำนวน 32.1 ล้านเยน (295,000 ดอลลาร์) หลังเพิกเฉยต่อคำสั่งรัฐบาลที่ต้องการให้บริษัทยุติการใช้พนักงานที่ไม่มีใบรับรองการตรวจสอบสภาพรถที่โรงงาน และส่งผลให้มีการเรียกคืนรถยนต์จำนวนกว่า 1 ล้านคันในญี่ปุ่น

-- ศาลฎีกาอินเดียพิพากษายืนโทษประหารชีวิตสำหรับผู้ต้องหา 3 คนในคดีรุมโทรมหญิงเมื่อปี 2555 และยกคำร้องของผู้ต้องหาทั้ง 3 โดยระบุว่า ไม่มีมูลเหตุที่จะทำให้ศาลทบทวนคำตัดสินดังกล่าวที่มีขึ้นในปีที่แล้ว

ทั้งนี้ เหตุโศกนาฏกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2555 เมื่อนักศึกษาแพทย์หญิงรายหนึ่งวัย 23 ปีได้ถูกชาย 6 คนรุมข่มขืนในวันที่ 16 ธ.ค.ภายในรถเมล์คันหนึ่งในกรุงเดลี และได้ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนที่จะเสียชีวิตหลังจากนั้น 13 วัน

-- คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ประกาศว่า จีนจะปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและดีเซล โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ ตามการปรับตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

โดยจีนจะปรับขึ้นราคาน้ำมันเบนซินและดีเซล 270 หยวน/ตัน และ 260 หยวน/ตันในวันนี้ตามลำดับ หลังจากที่ปรับลดราคา 2 ครั้งติดต่อกันในเดือนมิ.ย.

ทั้งนี้ NDRC ระบุว่าจะยังคงจับตาผลกระทบของกลไกราคาในปัจจุบัน และจะปรับปรุงกลไกดังกล่าวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในตลาดโลก

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ปรับตัวขึ้น 1.9% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยดัชนี CPI เดือนมิ.ย.ขยายตัวรวดเร็วกว่าเดือนพ.ค.ซึ่งมีการขยายตัว 1.8%

ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ปรับตัวขึ้น 4.7% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทีบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 4.5% และเพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ค.ซึ่งขยายตัวเพียง 4.1%

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ประกาศเสนอชื่อนายเบรทท์ คาวานาฟ ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกาคนใหม่ แทนนายแอนโธนี เคนเนดี ซึ่งได้ประกาศลาออกเมื่อเดือนที่ผ่านมา

-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยจีนอังกฤษและฝรั่งเศสจะเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. และสถาบัน ZEW จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนก.ค.ของเยอรมนี

ส่วนในวันพรุ่งนี้เกาหลีใต้จะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนมิ.ย. ญี่ปุ่นเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย. ด้านออสเตรเลียจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากเวสต์แพค ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย. สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ