ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก 44.95 จุด หรือ +0.18% เมื่อคืนนี้ (16 ก.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นธนาคาร หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกาเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 2
อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 4% ขณะที่นักลงทุนส่วนหนึ่งได้ชะลอการซื้อขายก่อนที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในวันนี้
-- นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐแสดงท่าทีปกป้องรัสเซียต่อประเด็นข้อกล่าวหาการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปีพ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา ระหว่างพบหารือสุดยอดกับนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย ที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ เมื่อวานนี้
หลังการประชุมสองต่อสองกับผู้นำรัสเซียเป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ประธานาธิบดีทรัมป์ แสดงความคิดเห็นโต้แย้งหน่วยข่าวกรองของสหรัฐ พร้อมระบุว่า ไม่มีเหตุผลสำหรับรัสเซียที่จะเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งดังกล่าว สอดคล้องกับประธานาธิบดีรัสเซียที่ย้ำว่า รัสเซียไม่เคยเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของสหรัฐแต่อย่างใด
ในการแถลงข่าวร่วมกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ตอบข้อซักถามที่ว่าเขาเชื่อว่าหน่วยข่าวกรองของสหรัฐเองหรือประธานาธิบดีปูตินต่อประเด็นดังกล่าว ซึ่งผู้นำสหรัฐตอบว่า "ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวว่าไม่ใช่ฝีมือรัสเซีย ดังนั้นตนจึงไม่เห็นเหตุผลที่รัสเซียจะแทรกแซงในเรื่องนี้"
ทั้งนี้ หน่วยข่าวกรองของสหรัฐสรุปว่า ในปี 2559 รัสเซียเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความพยายามในการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ด้วยการเจาะล้วงข้อมูล และเผยแพร่ข่าวปลอมบนสื่อสังคมออนไลน์
-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศคงตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า อยู่ที่ 3.9% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากการคาดการณ์ในเดือนเม.ย. แต่เตือนว่าความตึงเครียดทางการค้าจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี IMF ปรับลดตัวเลขคาดการณ์สำหรับการขยายตัวของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว สู่ระดับ 2.4% ในปีนี้ โดยลดลง 0.1% จากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนเม.ย. ขณะที่คงตัวเลขคาดการณ์ในปีหน้าที่ระดับ 2.2% ส่วนตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่ และกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา IMF คาดว่าจะมีการขยายตัว 4.9% ในปีนี้ และ 5.1% ในปีหน้า โดยไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้
-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 4% เมื่อคืนนี้ หลังจากที่นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ แถลงเมื่อวานนี้ว่า ประเทศผู้นำเข้านำมันบางรายจะได้รับการผ่อนปรนให้สามารถซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านได้ต่อไปแม้ว่าสหรัฐจะประกาศมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน พร้อมระบุว่ารัฐบาลสหรัฐไม่ต้องการสร้างความปั่นป่วนต่อตลาดน้ำมันโลก นักลงทุนมองว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเป็นการส่งสัญญาณว่าสหรัฐจะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านในอนาคต หลังจากที่สหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆและบริษัทน้ำมัน ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตรก่อนหน้านี้
-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย.
ส่วนยอดขายสินค้าในภาคธุรกิจพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนเม.ย. และจากอัตรายอดขายในเดือนพ.ค. เจ้าของธุรกิจจะใช้เวลา 1.34 เดือนในการขายสินค้าจนหมดสต็อก ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557 และต่ำกว่าระดับ 1.35 เดือนในเดือนเม.ย.
-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย. สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ หลังจากพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว
ยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นในเดือนมิ.ย. ได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของยอดขายรถยนต์ และสินค้าอื่นๆ เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 6.6% ในเดือนมิ.ย.
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ทรงตัวในเดือนมิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ค.
-- แบงก์ ออฟ อเมริกา ธนาคารใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยว่า ธนาคารมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้แรงหนุนจากการปรับลดค่าใช้จ่าย และมาตรการปรับลดอัตราภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทั้งนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกา ระบุว่า ธนาคารมีกำไร 63 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 57 เซนต์/หุ้น ขณะเดียวกัน ธนาคารมีรายได้ 2.26 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.23 หมื่นล้านดอลลาร์
-- สกุลบิตคอยน์พุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้หลังจากสื่อรายงานว่า แบล็คร็อค บริษัทบริหารสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้ตั้งคณะทำงานชุดหนึ่งขึ้นเพื่อพิจารณาการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล และเทคโนโลยีบล็อกเชน
ณ เวลา 01.09 น.ตามเวลาไทย บิตคอยน์ทะยานขึ้นกว่า 4% สู่ระดับ 6,674.73 ดอลลาร์ในเว็บไซต์ของ CoinDesk ซึ่งติดตามราคาสกุลเงินดิจิทัลจากตลาดหลายแห่ง นอกจากนี้ สกุลเงินอีเธอเรียม และริพเพิลต่างก็ดีดตัวขึ้น 5% และ 4.5% ตามลำดับ
-- ราคาหุ้นของบริษัทเทสลาดิ่งลงกว่า 3% วานนี้ หลังจากที่นายเวอร์นอน อันสเวิร์ธ หนึ่งในทีมนักดำน้ำสำรวจถ้ำชาวอังกฤษที่ร่วมปฏิบัติกู้ภัยนำนักเตะเยาวชนและโค้ชทีมหมูป่าอคาเดมี 13 ชีวิตออกจากถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงรายจนสำเร็จเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่า เขาอาจฟ้องร้องนายอีลอน มัสก์ ผู้บริหารบริษัทสเปซเอ็กซ์ และบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา หลังจากที่ได้กล่าวหาเขาว่า เป็นพวกชอบร่วมเพศกับเด็กชาย
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ จีนจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนมิ.ย. ขณะที่อังกฤษจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนมิ.ย. ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ค. จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB)
ส่วนในวันพรุ่งนี้ อังกฤษและอียูเตรียมเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผย ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมิ.ย. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) และ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเช้าวันที่ 19 ก.ค.