World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวัน 24 กรกฎาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 24, 2018 09:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและบรรดาประเทศคู่ค้าทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งการที่นักลงทุนมีมุมมองบวกต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

-- ตลาดการเงินเริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐและอิหร่านอีกครั้ง หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐทวีตข้อความเตือนนายฮัสซัน รูฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน ว่า "อย่าได้ข่มขู่สหรัฐอีกแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เช่นนั้นคุณจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดกับผลของการกระทำที่รุนแรงในระดับที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ สหรัฐไม่ใช่ประเทศที่จะอดทนต่อคำพูดที่บ้าคลั่งของคุณที่สะท้อนถึงความรุนแรงและความตายอีกต่อไป จงระวังให้ดี!"

ถ้อยแถลงของผู้นำสหรัฐมีขึ้นหลังจากที่นายรูฮานีกล่าวว่า "อิหร่านใช้อำนาจอย่างยับยั้งชั่งใจ และเราจะไม่ต่อสู้หรือทำสงครามกับผู้ใด แต่ศัตรูจะต้องเข้าใจว่าการทำสงครามกับอิหร่านจะเป็นการทำสงครามที่สร้างความเสียหายมากกว่าสงครามที่เคยเกิดขึ้น" และ "คุณทรัมป์ เราเป็นชาติที่มีศักดิ์ศรี และเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยในการเดินเรือในภูมิภาค อย่าได้เล่นกับหางราชสีห์ แล้วคุณจะเสียใจ"

ด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การทำสงครามระหว่างสหรัฐและอิหร่านจะส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ โดยอาจดีดตัวแตะระดับ 200 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ว่า เขาไม่ได้ให้สัญญาว่าจะให้สิ่งใดแก่รัสเซีย ในการประชุมกันเป็นการส่วนตัวกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียในสัปดาห์ที่แล้ว เพียงแต่พูดคุยกันเกี่ยวกับผลประโยชน์ในอนาคตของทั้งสองประเทศ

ปธน.ทรัมป์กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาและปธน.ปูตินได้หารือกันในหลากหลายประเด็น รวมถึงความพยายามในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ, กระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลาง และการโจมตีทางไซเบอร์ แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดแต่อย่างใด

-- 38 North ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยของสหรัฐที่ทำหน้าที่ติดตามความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือ เปิดเผยในรายงานวิเคราะห์ภาพจากดาวเทียมว่า เกาหลีเหนือได้เริ่มรื้อโครงสร้างสำคัญๆ ที่จุดทดสอบเครื่องยนต์ขีปนาวุธทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศแล้ว

รายงานระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวที่สถานีส่งดาวเทียมโซแฮในเขตทงชาง-รี หากได้รับการยืนยันว่าเกิดขึ้นจริงแล้ว ก็จะนับเป็นความก้าวหน้าครั้งแรกสู่การปฏิบัติตามคำมั่นที่นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้ให้ไว้กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ในการประชุมสุดยอดเมื่อเดือนที่ผ่านมา

-- กระทรวงการต่างประเทศจีนยืนยันว่า ค่าเงินหยวนของจีนถูกผลักดันโดยกลไกตลาดและจีนไม่มีเจตนาที่จะลดค่าเงินเพื่อช่วยกระตุ้นการส่งออก นอกจากนี้ยังระบุว่า การใช้มาตรการข่มขู่และคุกคามทางการค้าต่อจีนจะไม่มีทางประสบความสำเร็จ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่า พร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์

ทางด้าน นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า การอ่อนค่าของสกุลเงินหยวนจะถูกนำไปประกอบการพิจารณาดูว่าจีนเป็นประเทศที่ปั่นค่าเงินหรือไม่ ในรายงานที่มีกำหนดเปิดเผยในวันที่ 15 ต.ค. นี้ โดยสกุลเงินหยวนได้อ่อนค่าลงมากกว่า 7% เทียบดอลลาร์นับตั้งแต่ช่วงสิ้นสุดไตรมาสแรก

-- ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี วานนี้ปิดปรับตัวขึ้นแตะระดับสุงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. เนื่องจากนักลงทุนเทขายพันธบัตรท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคาคกลางญี่ปุ่น (BOJ) เตรียมหารือเพื่อปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน

กระแสคาดการณ์ของตลาดมีขึ้น หลังจากที่มีรายงานว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของ BOJ เตรียมหารือเรื่องนโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (yield curve control) รวมถึงวงเงินรับซื้อพันธบัตรรัฐบาล และการเข้าซื้อกองทุน ETF ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 31 ก.ค.นี้

-- คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) แถลงว่า สำนักงานป้องกันการผูกขาดตลาดของ EU อนุมัติให้แบล็คสโตน กรุ๊ปในการเข้าซื้อหุ้น 55% ในธุรกิจการเงินและความเสี่ยงของบริษัททอมสัน รอยเตอร์

ก่อนหน้านี้ แบล็คสโตนได้ยื่นข้อเสนอวงเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้อหุ้นดังกล่าวของบริษัททอมสัน รอยเตอร์ และได้ยื่นเรื่องขอการอนุมัติจาก EC ในเดือนมิ.ย. ซึ่งถือเป็นวงเงินสูงสุดของแบล็คสโตนในการทุ่มซื้อธุรกิจนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงิน

แถลงการณ์ของ EC ระบุว่า EC ไม่มีความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดจากการซื้อกิจการดังกล่าว แม้ว่าจะมีการทับซ้อนกันของธุรกิจระหว่างทั้งสองบริษัท

-- สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองร่วงลง 0.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.38 ล้านยูนิต ปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ขณะที่ถูกกระทบจากภาวะขาดแคลนบ้านในตลาด ซึ่งส่งผลให้ราคาพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านเพิ่มขึ้น 0.5% สู่ระดับ 5.44 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. โดยเมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านมือสองลดลง 2.2% ในเดือนมิ.ย. โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 4

ส่วนสต็อกบ้านในตลาดเพิ่มขึ้น 4.3% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และเมื่อเทียบรายปี สต็อกบ้านในตลาดเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกเทียบรายปีนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2558 นอกจากนี้ ราคาเฉลี่ยของบ้านเพิ่มขึ้น 5.2% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 276,900 ดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 76 ติดต่อกัน

-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยมาร์กิตจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ค.และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ค.ของหลายประเทศ ซึ่งรวมถึง ฝรั่งเศส เยอรมนี และยูโรโซน ขณะที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ค.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้เตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค. ส่วนออสเตรเลียเตรียมเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อไตรมาส 2/2561 ด้านเยอรมนีจะเปิดเผย ดัชนีภาวะธุรกิจเดือนก.ค.จากสถาบัน Ifo ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ