-- สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วางแผนที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 25% คิดเป็นวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ แผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% นั้น สูงกว่าแผนการที่สหรัฐเคยประกาศไว้เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมาว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนในอัตรา 10%
-- แอปเปิล อิงค์ บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ได้เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2561 ตามปีงบการเงินของบริษัท โดยระบุว่า รายได้จากการบริการในช่วงเวลาดังกล่าวพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์อยู่ประมาณ 400 ล้านดอลลาร์
ส่วนรายได้โดยรวมในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 5.33 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 2.34 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 40%
-- หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ แซงหน้าแอปเปิล อิงค์ นั่งแท่นบริษัทที่ส่งออกสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกในไตรมาส 2 เป็นครั้งแรก เป็นรองก็เพียงแต่ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์
หัวเว่ย ได้ส่งออกสมาร์ทโฟน 54.2 ล้านเครื่องในไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าสถิติปีที่แล้ว 41% แซงหน้าแอปเปิลเป็นครั้งแรก
IDC เปิดเผยว่า ส่วนแบ่งตลาดของหัวเว่ยในไตรมาส 2 อยู่ที่ 16% ส่วนซัมซุงอยู่ที่ 21% และแอปเปิล 12%
-- สำนักงานแรงงานเยอรมนีเปิดเผยว่า จำนวนผู้ที่ลงทะเบียนว่างงานในเดือนก.ค.อยู่ที่ระดับ 2.338 ล้านคน ลดลง 6,000 คน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังจากมีการปรับค่าตามฤดูกาล
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซียเปิดเผยว่า เงินเฟ้อในเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้น 3.18% เมื่อเทียบเป็นรายปี จากระดับเดือนมิ.ย.ที่ 3.12% เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์พื้นฐานที่ปรับตัวสูงขึ้น
-- ธนาคารกลางอินเดียมีมติขี้นอัตราดอกเบี้ยจาก 6.25% เป็น 6.50% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี เนื่องจากต้องการที่จะควบคุมเงินเฟ้อ และสกัดกระแสเงินทุนไหลออก
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินทั้ง 6 คนของธนาคารกลางอินเดียได้โหวตให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศยังคงสามารถคงระดับการขยายตัวไว้ได้ อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่ไม่แน่นอนเกี่ยวกับเงินเฟ้อในประเทศจำเป็นต้องจับตาอย่างใกล้ชิดในอนาคต