กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนก.ค. โดยเพิ่มขึ้นเพียง 157,000 ตำแหน่ง โดยเป็นตัวเลขการเพิ่มขึ้นต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 190,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 248,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.9% สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และใกล้ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 50 ปี หลังจากแตะระดับ 4.0% ในเดือนมิ.ย.
-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดในแดนบวกเมื่อวันศุกร์ (3 ส.ค.) โดยได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการอันแข็งแกร่งของบริษัทต่างๆที่มีการรายงานตลอดทั้งสัปดาห์ อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เพราะตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,462.58 จุด เพิ่มขึ้น 136.42 จุด หรือ +0.54% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,840.35 จุด เพิ่มขึ้น 13.13 จุด หรือ +0.46% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,812.01 จุด เพิ่มขึ้น 9.33 จุด หรือ +0.12%
-- ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.0 แมกนิจูดที่เกาะลอมบอก ทางตอนกลางของอินโดนีเซีย ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 82 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกหลายร้อยราย
นายซูโตโป เพอร์โว นูโกรโฮ โฆษกสำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติของอินโดนีเซียเปิดเผยว่า รายงานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้สร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนหลายพันหลัง และอาคารหลายแห่งในเกาะลอมบอก อีกทั้งยังทำให้ประชาชนหลายพันคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน ขณะที่การอพยพประชาชนประชาชนยังคงดำเนินไปในขณะนี้
-- นายเลียม ฟ็อกซ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าระหว่างประเทศของอังกฤษเปิดเผยว่า โอกาสที่จะไม่มีการทำข้อตกลงเกิดขึ้นเมื่ออังกฤษถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (Brexit) นั้น มีโอกาสสูงขึ้น เนื่องจากท่าทีไม่ต้องการจะประนีประนอมของคณะกรรมาธิการยุโรป
นายฟ็อกซ์ กล่าวว่า โอกาสที่จะประสบความล้มเหลวในการทำข้อตกลงนั้นอยู่ที่ 60 ถึง 40 โดยหัวหน้าผู้แทนการเจรจาต่อรองของยุโรปนั้น ไม่ได้ให้ความสนใจกับข้อเสนอของอังกฤษ เพียงเพราะยังไม่มีการทำข้อตกลงในรูปแบบดังกล่าวมาก่อน
-- นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์สื่อสหรัฐรอบใหม่เมื่อวานนี้ โดยอ้างว่าเป็นต้นเหตุของสงคราม
ปธน.สหรัฐ ได้ระบุในทวิตเตอร์ของตนเองว่า สื่อสหรัฐเป็น "ศัตรูของประชาชน" โดยให้เหตุผลว่า "สื่อพวกนี้จงใจสร้างความแตกแยกและความไม่เชื่อใจ และอาจก่อให้เกิดสงครามด้วย"
ทั้งนี้ ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัฐบาลสหรัฐกับสื่อสหรัฐ โดยสื่อบางเจ้าถูกปธน.ทรัมป์ตีตราว่าเป็น "ข่าวปลอม" ซึ่งเป็นการกระทำที่นักข่าวได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
-- ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร่ แห่งเวเนซูเอลา ถูกคนร้ายใช้โดรนติดระเบิดโจมตีใกล้ๆกับสถานที่ที่นายมาดูโรกำลังกล่าวสุนทรพจน์เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น แต่นายมาดูโรไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในระหว่างที่นายมาดูโร่กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันครบรอบ 81 ปี ของกองกำลังแห่งชาติเวเนซูเอลาที่กรุงคาราคัส โดยประธานาธิบดีมาดูโร่ กล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้ถือเป็นความพยายามในการลอบสังหารตนเอง และเป็นฝีมือของกลุ่มขวาจัดในเวเนซูเอลา, โคลอมเบีย และกลุ่มสมรู้ร่วมคิดในสหรัฐ
ทั้งนี้ นายมาดูโร่ กล่าวว่า ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีครั้งนี้ถูกจับกุมตัวไว้แล้ว และอยู่ในระหว่างการสอบสวน
-- นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐกล่าววานนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร่ แห่งเวเนซูเอลา
นายโบลตันให้สัมภาษณ์กับรายการ "ฟ็อกซ์ นิวส์ ซันเดย์" ว่า "ผมสามารถยืนยันได้เลยว่ารัฐบาลสหรัฐไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นกับเหตุการณ์ดังกล่าว"
นายโบลตันกล่าวว่า เขาได้หารือกับอุปทูตสหรัฐ ณ กรุงคาราคัส ซึ่งได้แจ้งว่าทางการเวเนซูเอลามองว่า "อเมริกันเป็นต้นเหตุ"
ทั้งนี้ นายมาดูโร่ถูกคนร้ายใช้โดรนติดระเบิดโจมตีใกล้ๆกับสถานที่ที่นายมาดูโรกำลังกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันครบรอบ 81 ปี ของกองกำลังแห่งชาติเวเนซูเอลาที่กรุงคาราคัส แต่นายมาดูโรไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยอินโดนีเซียจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 และเยอรมนีจะเปิดเผย ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิ.ย
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือนมิ.ย. และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนก.ค. ขณะที่ธนาคารกลางออสเตรเลียจะประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย เยอรมนีจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนมิ.ย.และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. และอังกฤษจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค.