World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 15 สิงหาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 15, 2018 09:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของค่าเงินลีราของตุรกี และผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของสหรัฐ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีก และการผลิตภาคอุตสาหกรรม

-- บิตคอยน์ดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 6,000 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ขณะที่สกุลเงินดิจิทัลอื่นๆปรับตัวลงเช่นกัน

ณ เวลา 19.38 น.ของวันอังคาร ตามเวลาไทย บิตคอยน์อยู่ที่ระดับ 6,024.47 ดอลลาร์ หลังจากร่วงลง 4% แตะระดับ 5,900 ดอลลาร์ในการซื้อขายช่วงแรก ใกล้ระดับ 5,785 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในปีนี้ที่ทำไว้ในวันที่ 18 มิ.ย.

-- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวานนี้ โดยได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของค่าเงินตุรกี หลังจากที่ดิ่งลงก่อนหน้านี้ ท่ามกลางวิกฤตการเงินในประเทศ

ณ เวลา 23.00 น.ของวันอังคาร ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.889% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.054%

-- นายเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี เปิดเผยว่า ตุรกีจะคว่ำบาตรสินค้าอิเลคทรอนิคส์ของสหรัฐ ซึ่งรวมถึง iPhone ของบริษัทแอปเปิล อิงค์ เพื่อตอบโต้มาตรการของสหรัฐในการเพิ่มอัตราภาษีเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าจากตุรกี

"ถ้าพวกเขามี iPhone พวกเราก็มีโทรศัพท์ในแบรนด์ของเรา และในตลาดก็ยังมีซัมซุง โดยเราต้องผลิตสินค้าให้เพียงพอกับที่เราต้องการ และให้มีคุณภาพดีกว่าสินค้านำเข้า" นายเออร์โดกันกล่าว

นายเออร์โดกันยังเรียกร้องให้ชาวตุรกีแปลงสกุลเงินดอลลาร์เป็นลีราเพื่อรักษาเกียรติภูมิสกุลเงินของประเทศ

ขณะเดียวกัน นายเออร์โดกันกระตุ้นให้ชาวตุรกียืนหยัดต่อต้านการแข็งค่าของดอลลาร์และเงินเฟ้อ ในแบบเดียวกับที่ชาวตุรกีสามารถเอาชนะการทำรัฐประหารในปี 2559

นอกจากนี้ เขายังยืนยันว่ารัฐบาลได้ดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อแก้ไขการทรุดตัวของค่าเงินลีราแล้ว

-- สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มยูโรโซนมีการขยายตัว 0.4% ในไตรมาส 2 โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.3% และสอดคล้องกับตัวเลขการขยายตัว 0.4% ในไตรมาส 1

อย่างไรก็ดี ผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมหดตัวลง 0.7% ในเดือนมิ.ย. อันเนื่องจากการลดลงของการลงทุนในเครื่องจักรและเครื่องมือต่างๆ

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานในอังกฤษลดลงสู่ระดับ 4.0% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2518 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 4.2%

จำนวนคนว่างงานลดลง 65,000 คน สู่ระดับ 1.36 ล้านคน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 40 ปี

ส่วนจำนวนคนที่มีงานทำเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 32.39 ล้านคนในไตรมาส 2 โดยเพิ่มขึ้น 42,000 คน เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 และเพิ่มขึ้น 313,000 คนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว

ค่าจ้าง ซึ่งไม่รวมโบนัส เพิ่มขึ้น 2.7% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าทรงตัวในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนมิ.ย.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค.

การทรงตัวของดัชนีราคานำเข้าเกิดจากการที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสวนทางการร่วงลงของราคาสินค้าอื่นๆ

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคานำเข้าพุ่งขึ้น 4.8% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2555 หลังจากเพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือนมิ.ย.

หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนีราคานำเข้าพื้นฐานลบ 0.1% ในเดือนก.ค. หลังจากปรับตัวลง 0.2% ในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคานำเข้าพื้นฐานบวก 1.6% ในเดือนก.ค.

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาส่งออกลดลง 0.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคาส่งออกเพิ่มขึ้น 4.3% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 5.3% ในเดือนมิ.ย.

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานว่า เศรษฐกิจเยอรมนีมีการขยายตัว 0.5% ในไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.4%

การขยายตัวของเศรษฐกิจเยอรมนีได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นของภาคครัวเรือน และการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาล

นักวิเคราะห์ระบุว่า ความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการขยายตัวในช่วงครึ่งปีหลัง แต่จะไม่ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก

-- รัฐบาลเกาหลีใต้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นออกคำสั่งห้ามประชาชนขับรถยนต์ของบริษัท BMW ที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบด้านความปลอดภัยออกไปบนท้องถนน แม้ว่าทางบริษัทจะดำเนินการเรียกคืนรถยนต์หลังเกิดรายงานเพลิงลุกไหม้รถยนต์ก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม

คำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันนี้ หลังจากที่มีรายงานไฟไหม้รถยนต์ BMW กว่า 30 คันในประเทศเกาหลีใต้ในปีนี้ ส่งผลทำให้บริษัท BMW ในเกาหลีใต้สั่งเรียกรถยนต์คืนราว 100,000 คันเพื่อดำเนินการตรวจสอบ เมื่อเดือนที่แล้ว

เบื้องต้นคาดการณ์ว่าจะมีรถยนต์ราว 27,000 คันที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งแบนในครั้งนี้

-- โฆษกของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า การโจมตีใกล้อาคารรัฐสภาเมื่อวานนี้ ถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตระหนก และระดับเตือนภัยก่อการร้ายในสหราชอาณาจักรยังคงอยู่ในระดับที่รุนแรง

โฆษกเปิดเผยว่า รัฐบาลสามารถสกัดแผนการโจมตีจากกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงจำนวน 13 ครั้ง และป้องกันการโจมตีจากกลุ่มขวาจัดจำนวน 4 ครั้ง นับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว

ขณะที่รัฐบาลอังกฤษก็ได้จัดประชุมฉุกเฉินของคณะกรรมาธิการความมั่นคง (COBRA) เพื่อหารือถึงเหตุการณ์ที่มีคนขับรถยนต์คันหนึ่งพุ่งชนคนเดินถนนใกล้อาคารรัฐสภาอังกฤษ ซึ่งส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย

ทางด้านนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวแสดงความห่วงใยต่อผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว

-- สำนักข่าว ANSA ของอิตาลีรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากหน่วยดับเพลิงว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 ราย จากการที่สะพานโมแรนดี ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมมอเตอร์เวย์ในเมืองเจนัวของอิตาลีได้พังถล่มลงมาเมื่อวานนี้

สะพานดังกล่าวเชื่อมทางหลวงสาย A1 ไปยังทางตะวันตกของเมืองเจนัว และถูกสร้างขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960

ขณะเกิดเหตุ มีรถยนต์และรถบรรทุกราว 20 คันกำลังแล่นผ่านสะพานดังกล่าว ส่งผลให้มีประชาชนหลายคนติดค้างอยู่ในรถยนต์ภายใต้ซากสะพาน

-- บริษัท นิปปอน สตีล แอนด์ ซูมิโตโม เมทัล เตรียมยกระดับการผลิตแผ่นเหล็กสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในอินโดนีเซีย เพื่อตอบสนองความต้องการที่สูงขึ้นของตลาดรถยนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลต่อการนำเข้าผลิตภัณฑ์เหล็กที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอินโดนีเซีย โดยนายนาโอมาซะ อาริตะ ประธานนิปปอน สตีล ระบุว่า การดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบของบริษัท จะช่วยสนับสนุนการผลิตเหล็กกล้าในประเทศอินโดนีเซีย

สำหรับสัดส่วนของการลงทุนนั้น ผู้ผลิตเหล็กกล้าของญี่ปุ่นถือหุ้น 80% ขณะที่ผู้ผลิตเหล็กกล้าของอินโดนีเซียถือหุ้น 20% ซึ่งจะจัดส่งให้แก่เหล่าผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นที่ดำเนินการอยู่ในอินโดนีเซีย

-- โฮม ดีโปท์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยกำไร, รายได้และยอดขายในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ โฮม ดีโปท์ เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 3.05 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.84 ดอลลาร์/หุ้น

นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 3.046 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.003 หมื่นล้านดอลลาร์

ส่วนยอดขายของบริษัทเติบโต 8% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 6.6%

-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยออสเตรเลียจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จากเวสต์แพค จีนเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค. อังกฤษเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค. ขณะที่สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ค. ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนส.ค.จากเฟดนิวยอร์ก การผลิตภาคอุตสาหกรรม-การใช้กำลังการผลิตเดือนก.ค. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนส.ค. จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนก.ค. ออสเตรเลียจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนก.ค. อังกฤษจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ค. ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ค. และดัชนีการผลิตเดือนส.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ