ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (28 ส.ค.) ขานรับผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 ปี ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา ท่ามกลางความหวังที่ว่า รัฐบาลแคนาดาจะลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับใหม่ภายในสัปดาห์นี้
-- ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 133.4 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2543 จากระดับ 127.4 ในเดือนก.ค. และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นจะลดลงสู่ระดับ 126.7
ทั้งนี้ ดัชนีดังกล่าวเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า, สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน
ผลสำรวจพบว่า ผู้บริโภคที่มีมุมมองดีขึ้นต่อสภาวะเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้า มีจำนวนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 24.3% จากระดับ 22.9% ในเดือนก.ค.
-- ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 6.2% ในเดือนมิ.ย. แต่ชะลอตัวลงจากระดับ 6.4% ของเดือนพ.ค.
อย่างไรก็ดี ราคาบ้านยังคงได้รับแรงหนุนจากปริมาณสต็อกบ้านในระดับต่ำ รวมทั้งการขยายตัวของประชากร และการจ้างงาน
ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.3% ในเดือนมิ.ย. ลดลงจากระดับ 6.5% ของเดือนพ.ค.
ราคาบ้านเพิ่มขึ้นสูงสุดในเมืองลาสเวกัส, ซีแอตเติล และซานฟรานซิสโก
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติอิตาลี (ISTAT) เปิดเผยว่า ผู้บริโภคของอิตาลีมีความเชื่อมั่นลดลงในเดือนส.ค. สู่ระดับ 115.2 จากระดับ 116.2 ในเดือนก.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของปัจจัยทางเศรษฐกิจ
ISTAT ยังระบุว่า ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจลดลงสู่ระดับ 103.8 ในเดือนส.ค. จากระดับ 105.3 ในเดือนก.ค. โดยความเชื่อมั่นของภาคบริการร่วงลงต่ำกว่าระดับเฉลี่ยของปีที่แล้ว
-- สำนักงานสถิติแห่งชาติฝรั่งเศส (Insee) รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคทรงตัวเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนส.ค. โดยอยู่ที่ระดับ 97 จุด และยังคงอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว
รายงานของ Insee ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคฝรั่งเศสที่มีต่อสถานการณ์ด้านการเงินในอนาคต ทรงตัวที่ระดับ -11 จุด
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในช่วงหลายเดือนข้างหน้าปรับตัวขึ้น 3 จุด
อย่างไรก็ดี ดัชนีคาดการณ์อัตราว่างงานพุ่งขึ้น 9 จุด แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2559
-- นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า กระทรวงการคลังสหรัฐเตรียมออกรายงานรอบครึ่งปีว่าด้วยประเทศที่บิดเบือนค่าเงินในวันที่ 15 ต.ค.
นายมนูชินกล่าวว่า รายงานดังกล่าวจะพิจารณาจากข้อมูลการดำเนินการของรัฐบาลต่างๆต่อสกุลเงินของตนในช่วงเดือนม.ค.-มิ.ย. ซึ่งสำหรับในกรณีของจีน สหรัฐจะพิจารณาการอ่อนค่าของหยวนในการพิจารณาทบทวนสถานะของจีนในรายงานดังกล่าว
-- มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคาร 20 แห่งของตุรกี โดยระบุถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากความสามารถที่ถดถอยลงในการระดมทุน
ทั้งนี้ มูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือแบบ standalone ของธนาคาร 14 แห่งลง 1 ขั้น และปรับลดธนาคาร 4 แห่งลง 2 ขั้น
นอกจากนี้ มูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือแบบ corporate family ratings ของธนาคาร 2 แห่งลง 1 ขั้น
-- กระทรวงเกษตรสหรัฐเปิดเผยว่า ทางกระทรวงมีโครงการให้ความช่วยเหลือต่อเกษตรกร ซึ่งรวมถึงการมอบเงินโดยตรงจำนวน 4.7 พันล้านดอลลาร์ เพื่อเยียวยาผลกระทบที่เกษตรกรสหรัฐได้รับจากการที่ประเทศคู่ค้าใช้มาตรการทางภาษีตอบโต้สินค้าส่งออกจากสหรัฐ
ทั้งนี้ เงินช่วยเหลือก้อนใหญ่ที่สุดจำนวน 3.6 พันล้านดอลลาร์จะมอบให้แก่เกษตรกรที่เพาะปลูกถั่วเหลือง เนื่องจากที่ผ่านมา จีนเป็นผู้ซื้อถั่วเหลืองที่ส่งออกจากสหรัฐราว 60% แต่ขณะนี้จีนได้ระงับคำสั่งซื้อนับตั้งแต่ที่ได้ทำสงครามการค้ากับสหรัฐ
นอกจากนี้ กลุ่มเกษตรกรที่ได้รับความช่วยเหลือทางการเงิน ยังรวมถึงเกษตรกรที่เพาะปลูกข้าวฟ่าง, ข้าวโพด, ข้าวสาลี และฝ้าย รวมทั้งผู้เลี้ยงสุกร และผู้ผลิตนม
-- ราคาหุ้นบริษัททอมสัน รอยเตอร์พุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังมีรายงานว่าบริษัทจะทำการซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุนจำนวน 30% ของปริมาณหุ้นทั้งหมดที่มีการออกในตลาด
คณะกรรมการบริหารของรอยเตอร์ให้การอนุมัติต่อแผนการซื้อหุ้นคืนในวงเงิน 9 พันล้านดอลลาร์ ผ่านทางวิธีการที่เรียกว่า "substantial issuer bid" หรือ SIB
ราคาในการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์อยู่ในช่วง 42-47 ดอลลาร์ หรือสูงกว่าค่าเฉลี่ยของราคาหุ้นในช่วง 20 วันที่ผ่านมาราว 11.5%
รอยเตอร์จะนำเงินทุนส่วนหนึ่งจากวงเงินราว 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ได้จากการขายหุ้น 55% ในธุรกิจการเงินและความเสี่ยงให้แก่บริษัทแบล็คสโตน กรุ๊ป มาสนับสนุนการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้
-- หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานว่า ญี่ปุ่นและเกาหลีเหนือได้จัดการประชุมลับที่เวียดนามในเดือนที่แล้ว โดยไม่ได้มีการแจ้งต่อสหรัฐ
รายงานข่าวระบุว่า ผู้ที่เข้าร่วมการเจรจาดังกล่าว ได้แก่ นายชิเกรุ คิตามูระ หัวหน้าสำนักงานข่าวกรองและวิจัยของคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น และนายคิม ซอง ฮเย เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือฝ่ายกิจการรวมชาติ
วอชิงตัน โพสต์รายงานว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐมีความไม่พอใจต่อญี่ปุ่นที่ได้ทำการประชุมลับดังกล่าว แม้ว่าสหรัฐมักแจ้งความคืบหน้าต่อญี่ปุ่นเกี่ยวกับการเจรจากับเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นอ้างว่าในการเจรจากับเกาหลีเหนือเกี่ยวกับการส่งคืนชาวญี่ปุ่นที่ถูกเกาหลีเหนือลักพาตัวไปก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นไม่สามารถพึ่งพาแต่เพียงสหรัฐในการเจรจาแทนญี่ปุ่นได้ และประเด็นดังกล่าวนับเป็นสิ่งที่ยังคงขัดขวางการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีเหนือ
-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ โดยญี่ปุ่นจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค. เยอรมนีจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จาก GfK ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 (ประมาณการครั้งที่ 2) ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)
ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนส.ค. ญี่ปุ่นจะเปิดเผยการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและยอดค้าปลีกเดือนก.ค เยอรมนีจะเปิดเผยอัตราว่างงานและอัตราเงินเฟ้อเบื้องต้นเดือนส.ค อียูจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนส.ค. สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) รวมถึงรายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.ค.