World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 5 กันยายน 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 5, 2018 09:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักลงทุนจับตาการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ระหว่างสหรัฐและแคนาดาซึ่งจะเปิดฉากขึ้นอีกครั้งวันนี้ หลังจากการเจรจาคว้าน้ำเหลวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ในวันพฤหัสบดีนี้

-- ค่าเงินดอลลาร์แคนาดาร่วงลงเทียบดอลลาร์สหรัฐเมื่อคืนนี้ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐและเม็กซิโกสามารถเดินหน้าต่อไปโดยไม่ต้องมีแคนาดาในการทำข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับใหม่

ทั้งนี้ ดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่าลง 0.4% สู่ระดับ 1.3150 เทียบดอลลาร์สหรัฐเมื่อคืนนี้

-- ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 54.7 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว จากระดับ 55.3 ในเดือนก.ค.

การปรับตัวลงของดัชนี PMI ในเดือนส.ค.ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่การจ้างงานปรับตัวขึ้น

อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตยังคงมีการขยายตัว

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.ค. หลังจากลดลง 0.8% ในเดือนมิ.ย.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค.

เมื่อเทียบรายปี การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐพุ่งขึ้น 5.8% ในเดือนก.ค.

การใช้จ่ายในโครงการก่อสร้างของภาคเอกชนลดลง 0.1% ในเดือนก.ค. หลังจากลดลง 0.5% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่การใช้จ่ายในโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 0.6% หลังจากลดลงติดต่อกัน 2 เดือน ส่วนการใช้จ่ายในโครงการที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยลดลง 1.0% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย.

ส่วนการใช้จ่ายในโครงการภาคสาธารณะเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.ค. หลังจากดิ่งลง 1.7% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่การใช้จ่ายในโครงการของรัฐบาลกลางเพิ่มขึ้น 2.5% หลังจากลดลง 3.0% ในเดือนมิ.ย. ส่วนการใช้จ่ายในโครงการของรัฐบาลในมลรัฐ และรัฐบาลท้องถิ่นเพิ่มขึ้น 0.6% หลังจากลดลง 1.6% ในเดือนมิ.ย.

-- ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM พุ่งขึ้นสู่ระดับ 61.3 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2547 จากระดับ 58.1 ในเดือนก.ค.

ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะขยายตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ

การปรับตัวลงของดัชนี PMI ในเดือนส.ค.ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่การจ้างงานปรับตัวขึ้น

อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตยังคงมีการขยายตัว

-- ไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการก่อสร้างของสหราชอาณาจักร ปรับตัวลงสู่ระดับ 52.9 ในเดือนส.ค. จากระดับ 55.8 ในเดือนก.ค.

อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า กิจกรรมในภาคการก่อสร้างของสหราชอาณาจักรยังคงมีการขยายตัว

-- ข้อมูลจาก "Stock Trader's Almanac" ระบุว่า เดือนก.ย.ถือเป็นเดือนที่ไม่ถูกโฉลกสำหรับนักลงทุนในตลาด โดยนับตั้งแต่ปี 2493 เดือนก.ย.เป็นเดือนที่ดัชนีดาวโจนส์ และดัชนี S&P 500 ปรับตัวย่ำแย่ที่สุดของปี

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเฉลี่ย 0.70% ในเดือนก.ย. ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลงเฉลี่ย 0.5% ส่วนดัชนี Nasdaq ซึ่งเริ่มเปิดตัวในปี 2514 ติดลบเฉลี่ย 0.5% ในเดือนก.ย.

ขณะเดียวกัน เดือนส.ค.ในปีนี้ ถือเป็นเดือนส.ค.ที่ปรับตัวดีที่สุดในรอบกว่า 4 ปี โดยดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ต่างก็สามารถทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดตลอดกาล ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์อยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เพียง 2.5%

-- ราคาหุ้นอเมซอนปิดพุ่งขึ้น 1.3% หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,050.50 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งทำให้มูลค่าตลาดของอเมซอนทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ ต่อจากบริษัทแอปเปิล อิงค์

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา แอปเปิลสามารถทำสถิติเป็นบริษัทจดทะเบียนแห่งแรกของสหรัฐและของโลกที่มีมูลค่าตลาดแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ และอเมซอนก็สามารถทำสถิติดังกล่าวได้เมื่อคืนนี้ ซึ่งห่างจากวันที่แอปเปิลทำไว้เพียง 5 สัปดาห์

-- บริษัทซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ป แถลงเมื่อวานนี้ว่า บริษัทจะถอนตัวจากตลาดรถยนต์ในจีน หลังจากที่ผู้บริโภคของจีนลดความนิยมรถยนต์ขนาดเล็ก ขณะที่หันไปซื้อรถยนต์ขนาดใหญ่

ซูซูกิเปิดเผยว่า ทางบริษัทได้ตกลงขายหุ้นที่บริษัทถือครองอยู่ 50% ในบริษัทฉงชิ่ง ชางกาน ซูซูกิ ออโตโมบิล ให้แก่บริษัทฉงชิ่ง ชางกาน ออโตโมบิล

ซูซูกิมองว่าอุปสงค์รถยนต์ขนาดเล็กในจีนแทบไม่มีการขยายตัว โดยลูกค้าหันไปซื้อรถยนต์ขนาดใหญ่ เนื่องจากมีรายได้เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ซูซูกิยังมองว่าโอกาสทางธุรกิจได้ริบหรี่ลง ขณะที่รัฐบาลจีนผลักดันการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ซูซูกิล้าหลังคู่แข่ง

ทั้งนี้ ซูซูกิขายรถยนต์เพียง 105,000 คันในจีนในปีงบการเงินที่สิ้นสุดเดือนมี.ค.ปีนี้ ซึ่งคิดเป็นจำนวนเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับระดับ 3.22 ล้านคันที่ซูซูกิขายในตลาดทั่วโลกในช่วงเวลาเดียวกัน

-- ค่าเงินริอัลของอิหร่านดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดตัวลง หลังจากถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร

ทั้งนี้ เว็บไซต์ Bonbast.com รายงานว่า ในการซื้อขายเงินที่ร้านแลกเปลี่ยนเงินตราของตลาดมืดในอิหร่าน สกุลเงิน 1 ดอลลาร์สามารถแลกเงินริอัลได้ถึง 138,000 ริอัล ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงของธนาคารกลางอิหร่านอยู่ที่ระดับ 42,000 ริอัลต่อ 1 ดอลลาร์

ค่าเงินริอัลประสบความผันผวนมานานหลายเดือน ท่ามกลางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ, ปัญหาทางการเงินของธนาคารในประเทศ รวมทั้งจากการที่ชาวอิหร่านมีความต้องการถือเงินดอลลาร์จำนวนมาก เนื่องจากวิตกว่าการที่สหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่าน และทำการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ จะทำให้อิหร่านถูกจำกัดการส่งออกน้ำมัน และสินค้าอื่นๆ

-- ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้แถลงว่า ประธานาธิบดี มูน แจ อิน ได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับการเดินทางเยือนเกาหลีเหนือของตัวแทนพิเศษของนายมูนเมื่อวานนี้

ทั้งนี้ ผู้นำทั้งสองได้สนทนากันเป็นเวลา 50 นาทีตั้งแต่เวลา 21.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 19.00 น.ตามเวลาไทย

คณะผู้แทนพิเศษของนายมูน ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 5 คน จะเดินทางเยือนกรุงเปียงยางในช่วงเช้าของวันนี้ ก่อนที่จะกลับประเทศในวันเดียวกัน โดยทั้ง 2 ฝ่ายจะหารือกันเกี่ยวกับการจัดเตรียมการประชุมสุดยอดครั้งที่ 3 ระหว่างนายมูน และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นที่กรุงเปียงยางในปลายเดือนนี้

นายมูนและปธน.ทรัมป์ได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่ปธน.ทรัมป์หวังว่าการประชุมสุดยอดระหว่างนายมูนและนายคิมจะประสบผลสำเร็จ

นอกจากนี้ นายมูนและปธน.ทรัมป์ยังได้ตกลงกันที่จะจัดการประชุมนอกรอบการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติในเดือนนี้ เพื่อหารือความร่วมมือในการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี

-- ทางการญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ผู้โดยสารประมาณ 5,000 คนที่ติดค้างอยู่ที่สนามบินคันไซ อันเนื่องจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น "เชบี" ที่พัดถล่มพื้นที่ฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่นนั้น ได้รับการอพยพออกจากสนามบินแล้วในช่วงเช้าวันนี้ ผ่านทางเรือเร็ว

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า พายุไต้ฝุ่นเชบีได้ส่งผลให้สนามบินคันไซต้องปิดการให้บริการ เนื่องจากลมกระโชกรุนแรงและคลื่นสูงได้ส่งผลให้เกิดเหตุเรือบรรทุกน้ำมันชนเข้ากับสะพานเชื่อมแผ่นดินใหญ่กับสนามบินคันไซเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ อิทธิพลของพายุยังส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน และบาดเจ็บมากกว่า 200 คน

รายงานระบุวา เรือบรรทุกน้ำมัน Houn Maru ซึ่งมีระวางขับน้ำ 2,591 ตัน ได้ชนสะพานเชื่อมสนามบินคันไซในเวลาราว 13.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นเมื่อวานนี้ ส่งผลให้สะพานดังกล่าว ซึ่งถือเป็นประตูเดียวที่เชื่อมทางบกกับทางสนามบิน ได้รับความเสียหาย

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันว่า ความเสียหายที่เกิดกับสนามบินคันไซ ซึ่งเป็นหนึ่งในสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น อาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศ

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียเปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 ขยายตัว 0.9% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.7% และหากเทียบเป็นรายปี GDP ไตรมาส 2 ขยายตัว 3.4% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.9%

สำหรับปัจจัยที่ช่วยหนุน GDP ให้ขยายตัวรวดเร็วเกินคาดในไตรมาส 2 นั้น มาจากอัตราการออมของภาคครัวเรือนซึ่งปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1% ในไตรมาส 2 จากไตรมาสแรกที่ระดับ 1.6%

-- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน อยู่ที่ระดับ 51.5 ในเดือนส.ค. ลดลงอย่างมากจากระดับ 52.8 ในเดือนก.ค. และสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 52.7 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ภาคบริการเดือนส.ค.ของจีนมีการขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 5 เดือน

อย่างไรก็ตาม ดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการของจีนยังคงมีการขยายตัว ส่วนดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว

-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ โดยฝรั่งเศส เยอรมนี และอังกฤษจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนส.ค.จากมาร์กิต เช่นเดียวกับอียูที่เตรียมเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนส.ค.จากมาร์กิตและยอดค้าปลีกเดือนก.ค. ส่วนสหรัฐเตรียมเปิดเผยดุลการค้าเดือนก.ค. และดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนส.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนก.ค. เยอรมนีจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค. ในขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 2/2561, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค., ดัชนีภาคบริการเดือนส.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ