รัฐบาลเกาหลีใต้รายงานว่า เกาหลีใต้และเกาหลีเหนือได้ตกลงจัดการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศที่กรุงเปียงยางในวันที่ 18-20 ก.ย. นี้
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ขู่ว่าจะปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ซึ่งสวนทางกับจุดยืนของตนเองในช่วงก่อนหน้านี้ โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นก่อนที่ปธน.ทรัมป์จะประชุมร่วมกับแกนนำสภาคองเกรสในประเด็นการบังคับใช้กฎหมายต่างๆสำหรับช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งรวมถึงร่างกฎหมายการอนุมัติงบประมาณของรัฐบาลกลางก่อนที่ปีงบประมาณปัจจุบันจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 ก.ย.นี้
-- นายจอช ฟรายเดนเบิร์ก รัฐมนตรีกระทรวงคลังออสเตรเลีย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจออสเตรเลียขยายตัวรวดเร็วมากยิ่งขึ้นในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา หลังสำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียรายงานเมื่อวานนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 ขยายตัว 0.9% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.7% และหากเทียบเป็นรายปี GDP ไตรมาส 2 ขยายตัว 3.4% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.9% นับเป็นการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งเป็นช่วงที่ธุรกิจเหมืองเฟื่องฟู
-- หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกำลังอภิปรายเกี่ยวกับการสรรหาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมแทนนายเจมส์ แมตทิส ท่ามกลางกระแสข่าวลือที่ว่า นายแมตทิส อาจลาออกจากตำแหน่ง
-- รัฐสภากัมพูชาได้ลงมติรับรองรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งผลให้สมเด็จฮุนเซนได้ครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อเนื่องไปอีก 5 ปี
-- รายงานวิเคราะห์จากไอเอชเอส มาร์กิต คาดการณ์ว่า แท่นขุดเจาะนอกชายฝั่งจะเป็นที่ต้องการมากขึ้นไปจนถึงปี 2563 โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการขุดเจาะน้ำลึก เนื่องจากราคาน้ำมันยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่โครงการนอกชายฝั่งบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
-- พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ตัดสินใจที่จะเปิดการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคตามกำหนดการเดิม แม้ญี่ปุ่นเพิ่งเผชิญกับแผ่นดินหนักอย่างหนักบนเกาะฮอกไกโดก็ตาม
-- รายงานของรัฐบาลเกาหลีใต้เปิดเผยว่า การลงทุนโดยตรงในต่างประเทศของเกาหลีใต้เติบโตขึ้นในอัตราเลขสองหลักในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้นในอุตสาหกรรมการผลิต
-- ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดย Pew Research Center ระบุว่า เฟซบุ๊กได้สูญเสียฐานผู้ใช้งานในกลุ่มหนุ่มสาวเป็นจำนวนมาก โดย 1 ใน 4 ของผู้ใช้งานกลุ่มนี้ได้ลบแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กออกจากสมาร์ทโฟนในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา โดยผลสำรวจพบว่า 44% ของผู้ใช้งานเฟซบุ๊กที่มีอายุอยู่ในช่วง 18-29 ปี ได้ลบแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กออกจากโทรศัพท์มือถือในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และมีประมาณ 42% ไม่ได้เข้าใช้งานเฟซบุ๊กเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือมากกว่า