World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 14 กันยายน 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Friday September 14, 2018 08:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากจีนได้ตอบรับคำเชิญของสหรัฐในการเจรจาการค้ารอบใหม่เพื่อคลี่คลายข้อพิพาทระหว่างทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ดีดตัวขึ้น รวมทั้งตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะลดแนวโน้มในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความเมื่อคืนนี้ว่า สหรัฐไม่ได้เผชิญแรงกดดันที่จะต้องทำข้อตกลงทางการค้ากับจีน แต่เป็นฝ่ายจีนที่ถูกกดดันให้ต้องทำข้อตกลงกับทางสหรัฐ

"วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานผิดพลาด เราไม่ได้ถูกกดดันให้ต้องทำข้อตกลงกับจีน แต่เป็นฝ่ายเขาที่ถูกกดดันให้ต้องทำข้อตกลงกับเรา โดยตลาดของเรากำลังพุ่งขึ้น แต่ของเขากำลังล่มสลายลง ซึ่งเราจะได้เงินอีกหลายพันล้านดอลลาร์จากการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้า และการผลิตสินค้าในสหรัฐ" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

-- นายเกิง ชวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า จีนยินดีตอบรับคำเชิญของสหรัฐสำหรับการเจรจาการค้ารอบใหม่ โดยทั้งสองฝ่ายกำลังหารือกันเกี่ยวกับรายละเอียดของการจัดการประชุมดังกล่าว

นายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ได้ส่งจดหมายไปยังเจ้าหน้าที่ของจีน เพื่อเชิญให้เข้าร่วมการเจรจาการค้าครั้งใหม่

-- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จัดการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ โดยที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%

ECB ระบุว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป อย่างน้อยจนถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วงในปีหน้า

นอกจากนี้ ECB ประกาศว่าจะลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงครึ่งหนึ่ง สู่ระดับ 1.5 หมื่นล้านยูโร (1.74 หมื่นล้านดอลลาร์) ต่อเดือน นับตั้งแต่เดือนต.ค. และจะยุติมาตรการ QE โดยสิ้นเชิงในช่วงสิ้นปีนี้

-- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ หลังจากที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว

-- ธนาคารกลางตุรกีประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 6.25% เมื่อวานนี้ สู่ระดับ 24% จากเดิมที่ระดับ 17.75% เพื่อหนุนค่าเงินลีรา ซึ่งได้ทรุดตัวลงราว 40% เทียบดอลลาร์นับตั้งแต่ต้นปีนี้

-- รัฐบาลตุรกีมีคำสั่งเมื่อวานนี้ให้ประชาชนใช้เงินลีราในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ การทำสัญญาเช่า และการทำธุรกรรมเช่าซื้อ โดยหวังว่าการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยพยุงค่าเงินลีรา

ในพระราชกฤษฎีกาที่มีการลงนามโดยประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ระบุว่า สัญญาใดๆก่อนหน้านี้ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งการเช่าซื้อรถยนต์ที่มีการทำในรูปสกุลเงินต่างประเทศ จะต้องทำการแปลงเป็นสกุลเงินลีราภายในเวลา 30 วัน และต้องระบุราคาในสัญญาเป็นสกุลเงินลีราภายในเวลา 30 วันเช่นกัน

-- นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า การดำเนินการแต่เพียงฝ่ายเดียวของสหรัฐในการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมจะไม่ช่วยแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้าแต่อย่างใด เพราะการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของตัวเลขเกินดุลหรือขาดดุลการค้าได้ถูกกำหนดจากกลไกตลาด

นายเกากล่าวว่า การส่งออกของจีนที่เพิ่มขึ้นมีสาเหตุจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ และอาจเกิดจากการที่บริษัทจีนเร่งส่งออกไปยังสหรัฐก่อนที่มาตรการเรียกเก็บภาษีของสหรัฐจะเริ่มมีผลบังคับใช้

-- นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ยูโรโซนยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และในวงกว้าง

นายดรากีกล่าวว่า วิกฤตเศรษฐกิจในอาร์เจนตินา และตุรกียังไม่ได้ลุกลามมาถึงยูโรโซนแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี นายดรากีเตือนว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความวิตกทางด้านเศรษฐกิจ

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค.

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 49 ปีในสัปดาห์ที่แล้ว โดยจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 204,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 210,000 ราย

สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานระบุว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกพุ่งแตะระดับ 100 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะมีการรายงานในวันนี้ ทางการจีนมีกำหนดการรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนส.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนส.ค. เวลา 09.00 น. ตามเวลาไทย

ญี่ปุ่นเตรียมรายงานตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. เวลา 11.30 น.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนส.ค., ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ