นายแบร์รี่ ไอเชนกรีน ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า สหรัฐมีแนวโน้มว่า จะขาดดุลการค้ามากขึ้นในระยะใกล้นี้ เนื่องจากอัตราการออมของประเทศที่ชะลอตัวลง ภายหลังจากที่ได้มีการใช้มาตรการปรับลดภาษี
จากการพูดคุยนอกรอบงานสัมมนา "ผลกระทบทางเศรษฐกิจของมร.ทรัมป์" นายไอเชนกรีนกล่าวว่า "ผู้คนเสียภาษีน้อยลงและซื้อของมากขึ้น"
เมื่อเร็วๆ นี้ สหรัฐได้เปิดเผยยอดขาดดุลการค้าสินค้าและการบริการในเดือนก.ค. อยู่ที่ 5.01 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.
จากการคาดการณ์ของ Trading Economics เผยว่า การขาดดุลการค้าเฉลี่ยต่อเดือนของสหรัฐอาจเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 และอยู่ที่ 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2563 หลังจากที่อ่อนตัวลงในปี 2562
ทางด้านเกล็นน์ ซอมเมอร์วิลล์ ซึ่งเป็นผู้ตีพิมพ์การคาดการณ์ธุรกิจ Kiplinger ระบุว่า การขาดดุลการค้าของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น 5-6% ในปี 2561 เนื่องจากการเติบโตในยุโรปส่งสัญญาณการชะลอตัวลง และจีนได้นำเข้าสินค้าหมวดหมู่หลักๆจากสหรัฐน้อยลง ท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้า
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สหรัฐขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 12% แตะที่ 5.66 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2560 และอัตราการออมรายบุคคลเฉลี่ยอยู่ที่ 6.7% ในปี 2559 และ 8.8% ในปี 2560 โดยอัตราการออมของปี 2555 อยู่ที่ 8.8%