World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 19 กันยายน 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 19, 2018 09:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสหรัฐและจีนเรียกเก็บภาษีนำเข้าในระดับต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้นเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากรัฐบาลสหรัฐยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์สมาร์ทวอทช์จากบริษัทแอปเปิล และบริษัทฟิตบิท ไม่ได้รวมอยู่ในรายการสินค้าที่ถูกเรียกเก็บภาษีครั้งล่าสุดนี้

-- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากที่สหรัฐและจีนทำสงครามการค้ารอบใหม่

ณ เวลา 00.01 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 3.038% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.186%

-- จีนประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตราภาษี 5-10% คิดเป็นวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้ต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์

การประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.ย. โดยจะพุ่งเป้าไปยังสินค้าสหรัฐจำนวน 5,207 รายการ

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐจะทำการตอบโต้อย่างรุนแรงและรวดเร็ว หากจีนประกาศเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าสหรัฐโดยเล็งเป้าหมายไปที่กลุ่มเกษตรกร, เจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ และแรงงานในภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ

"จีนได้แถลงอย่างเปิดเผยว่าพวกเขากำลังพยายามที่จะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งของเราด้วยการโจมตีกลุ่มเกษตรกร, เจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ และแรงงานในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากกลุ่มเหล่านี้มีความจงรักภักดีต่อผม สิ่งที่จีนไม่เข้าใจคือ คนเหล่านี้เป็นผู้ที่รักชาติ และเข้าใจว่าจีนกำลังเอาเปรียบสหรัฐในด้านการค้าเป็นเวลาหลายปี และรู้ว่าผมเป็นคนเดียวที่รู้ว่าจะหยุดยั้งเรื่องนี้อย่างไร โดยสหรัฐจะตอบโต้จีนทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ถ้าจีนเล็งเป้าหมายโจมตีกลุ่มเกษตรกร, เจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ และแรงงานในภาคอุตสาหกรรมของเรา" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

-- กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า รัฐบาลจีนได้ยื่นคำร้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) เพิ่มเติมเมื่อวานนี้ ต่อกรณีที่สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ภายใต้กฎหมายมาตรา 301

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การที่สหรัฐออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนครั้งล่าสุด ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีนี้ ถือเป็นการละเมิดกฎของ WTO ด้วยเหตุนี้ จีนจึงได้ตัดสินใจยื่นคำร้องต่อ WTO

นอกจากนี้ จีนยังวิพากษ์วิจารณ์ว่า สหรัฐกำลังทำให้การเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศตกอยู่ในความไม่แน่นอน

-- นายแจ็ค หม่า ประธานบริหารบริษัทอาลีบาบา กล่าวว่า ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะดำเนินต่อไปเป็นเวลา 20 ปี และจะสร้างความเสียหายต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

นายหม่ากล่าวเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้ทางการจีนขู่ทำการตอบโต้กลับ

นายหม่ากล่าวว่า ความตึงเครียดทางการค้าจะส่งผลกระทบต่อบริษัทจีนและบริษัทต่างประเทศ และจะทำให้ภาคธุรกิจของจีนย้ายฐานการผลิตออกจากจีนไปยังประเทศอื่นในระยะกลางเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเก็บภาษี

นายหม่าระบุว่าจำเป็นต้องมีการกำหนดกฎระเบียบทางการค้าใหม่ในระยะยาว เนื่องจากแม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์พ้นวาระการดำรงตำแหน่งไปแล้ว และมีคนใหม่มาแทน แต่สหรัฐและจีนก็จะยังคงมีความขัดแย้งทางการค้าต่อไป ทำให้มีความจำเป็นต้องปฏิรูปองค์การการค้าโลก (WTO)

-- นายทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทแอปเปิล อิงค์ กล่าวถึงสาเหตุที่ผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลไม่ถูกรวมอยู่ในรายชื่อสินค้าที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนว่า หากสหรัฐเก็บภาษีจากผลิตภัณฑ์แอปเปิลที่มีการนำเข้าจากจีน สิ่งนี้จะไม่เป็นผลดีต่อสหรัฐเอง

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ในอัตรา 10% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.นี้ และจากนั้นจะเพิ่มเป็น 25% ตั้งแต่ช่วงต้นปีหน้า

อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์สมาร์ทวอทช์จากบริษัทแอปเปิล และบริษัทฟิตบิท รวมทั้งสินค้าเพื่อผู้บริโภครายการอื่นๆเช่น หมวกกันน็อค และที่นั่งในรถยนต์สำหรับเด็ก ไม่ได้รวมอยู่ในรายการสินค้าที่ถูกเรียกเก็บภาษีในครั้งนี้

"iPhone มีการประกอบที่จีน แต่ชิ้นส่วนมาจากทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสหรัฐ ทั้งชิปประมวลผลและหน้าจอ รวมทั้งการพัฒนาและวิจัย" นายคุกกล่าว

นายคุกยังคาดการณ์ว่า สหรัฐและจีนจะสามารถหาทางออกจากความขัดแย้งทางการค้าได้ในที่สุด

-- ราคาหุ้นของบริษัทเทสลาดิ่งลงมากกว่า 2% เมื่อคืนนี้ หลังจากที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทางบริษัทจะถูกดำเนินคดีอาญาจากกรณีที่นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ได้ทวีตข้อความก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการนำเทสลาออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาด ทั้งนี้ นายมัสก์ได้ทวีตข้อความในวันที่ 7 ส.ค.ว่า เขามีแผนที่จะนำบริษัทเทสลาออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาด โดยเขามีแหล่งเงินทุนที่จะเข้าซื้อหุ้นที่ระดับราคา 420 ดอลลาร์ ซึ่งข่าวนี้ส่งผลให้ราคาหุ้นเทสลาพุ่งขึ้นแตะ 387.46 ดอลลาร์ในวันดังกล่าว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ดี นักกฎหมายเตือนว่าการทวีตข้อความของนายมัสก์เสี่ยงที่จะทำให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) สั่งปรับบริษัท และอาจทำให้นายมัสก์ถูกดำเนินคดีอาญา ส่งผลให้ราคาหุ้นเทสลาดิ่งลง 33% หลังจากนั้น ขณะที่มูลค่าตลาดลดลงมากกว่า 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์

-- นายเวอร์นอน อันสเวิร์ธ หนึ่งในทีมนักดำน้ำสำรวจถ้ำชาวอังกฤษที่ร่วมปฏิบัติการกู้ภัยนำนักเตะเยาวชนและโค้ชทีมหมูป่าอคาเดมี 13 ชีวิตออกจากถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ได้ทำการฟ้องนายอีลอน มัสก์ ผู้บริหารบริษัทสเปซเอ็กซ์ และบริษัทเทสลา ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากนายมัสก์เคยกล่าวหาว่านายอันสเวิร์ธเป็นพวกชอบร่วมเพศกับเด็กชาย และเป็นผู้ที่ข่มขืนเด็ก

นายอันสเวิร์ธได้ยื่นฟ้องนายมัสก์ข้อหาหมิ่นประมาทต่อศาลสหรัฐในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเรียกร้องค่าเสียหาย 75,000 ดอลลาร์ พร้อมกับขอให้ศาลออกคำสั่งให้นายมัสก์ยุติการเผยแพร่คำกล่าวหาที่เป็นเท็จและหมิ่นประมาท

-- สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านทรงตัวที่ระดับ 67 ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านยังคงถูกกดดันจากต้นทุนการสร้างบ้านที่สูงขึ้น และการขาดแคลนแรงงานทักษะ

อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น 3 จุด เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ดัชนีความเชื่อมั่นยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงมุมมองโดยทั่วไปที่เป็นบวก

ส่วนดัชนีคาดการณ์ยอดขายในช่วง 6 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้น 2 จุด สู่ระดับ 74 จุด ขณะที่ดัชนีภาวะยอดขายในปัจจุบันเพิ่มขึ้น 1 จุด สู่ระดับ 74 จุด

-- กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้าในเดือนส.ค.ทั้งสิ้น 4.446 แสนล้านเยน

ส่วนยอดส่งออกในเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ยอดนำเข้าพุ่งขึ้น 15.4%

-- นายบัมบัง โบรโจเนโกโร รมว.วางแผนพัฒนาของอินโดนีเซีย กล่าวว่า การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลกในวันที่ 8-14 ต.ค. จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของเกาะบาหลีเพิ่มขึ้น 0.64% สู่ระดับ 6.54% ในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายด้านการก่อสร้าง, การท่องเที่ยว รวมทั้งอาหารและเครื่องดื่ม

"มีการคาดการณ์ในช่วงแรกว่าเศรษฐกิจบาหลีจะมีการขยายตัว 5.9% ในปีนี้ หากไม่มีการจัดการประชุม IMF และธนาคารโลก แต่เมื่อบาหลีเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าว ก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจมีการขยายตัว 6.54% โดยได้แรงหนุนจากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการประชุม" เขากล่าว

-- นายมูน แจ อิน ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ และนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ได้เริ่มการเจรจาหารือเป็นวันที่ 2 ในการประชุมสุดยอดครั้งที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นในกรุงเปียงยาง ท่ามกลางการจับตามองอย่างใกล้ชิดจากประชาคมโลกเกี่ยวกับท่าทีความเคลื่อนไหวของผู้นำเกาหลีเหนือว่ากำหนดมาตรการอย่างเป็นรูปธรรมในการเดินหน้าสู่กระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีหรือไม่

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ในการหารือเมื่อวานซึ่งเป็นวันแรกของการประชุมสุดยอดระยะเวลา 3 วันของทั้งสองผู้นำนั้น นายคิมได้กล่าวขอบคุณประธานาธิบดีมูน แจ อินแห่งเกาหลีใต้ สำหรับการทำหน้าที่ประสานงานในการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือซึ่งจัดขึ้นที่สิงคโปร์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ นายคิมยังได้แสดงความต้องการที่จะเจรจากับรัฐบาลสหรัฐต่อไป

-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนก.ค.ของอียู อัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค.ของอังกฤษ รวมถึงตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค. ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 2/2561 และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ

ส่วนในวันพรุ่งนี้ อังกฤษเตรียมเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนส.ค. ด้านสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตเดือนก.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และ ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. ขณะที่อียูเตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ