ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ (26 ก.ย.) โดยระบุว่า ข้อมูลที่ได้รับนับตั้งแต่ที่คณะกรรมการ FOMC ประชุมกันในเดือนส.ค.บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง และกิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวขึ้นในระดับที่แข็งแกร่งเช่นกัน ส่วนการขยายตัวของการจ้างงานในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานั้น โดยเฉลี่ยมีความแข็งแกร่ง และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่การใช้จ่ายภาคครัวเรือนและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง
-- ธนาคารกลางฮ่องกง (HKMA) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 2.50% ในวันนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้
-- ธนาคารกลางจีนได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับเดิมในวันนี้ แม้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ก็ตาม
-- ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ อย่างไรก็ดี ทางธนาคารกลางยังเปิดช่องไว้สำหรับการปรับขึ้นหรือปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
-- ธนาคารกลางฟิลิปปินส์มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% เป็น 4.5% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 ก.ย.นี้ เพื่อควบคุมการคาดการณ์เรื่องเงินเฟ้อ และดูแลเป้าหมายเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบของนโยบาย
-- ธนาคารกลางอินโดนีเซียได้มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 5.75% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 5 แล้วในปีนี้
-- สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ผ่านพระราชบัญญัติงบประมาณวงเงิน 8.54 แสนล้านดอลลาร์แล้ว ซึ่งจะทำให้สหรัฐไม่ต้องปิดหน่วยงานรัฐบาลในช่วงเดือนต.ค.
-- สถาบันวิจัย GfK เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีปรับตัวขึ้นแตะระดับ 10.6 ในเดือนต.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 10.5 โดยปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคนั้น มาจากค่าแรงที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค ขณะที่อัตราว่างงานอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ช่วยให้ผู้บริโภคมีมุมมองเป็นบวกต่อเศรษฐกิจเช่นกัน
-- นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้มีการพบปะกันเมื่อวานนี้ที่นครนิวยอร์ก โดยทั้งสองฝ่ายได้ออกแถลงการณ์ร่วมภายหลังการพบปะดังกล่าว ซึ่งมีใจความสำคัญดังนี้
*ญี่ปุ่นและสหรัฐจะเริ่มเจรจาข้อตกลงการค้าระดับทวิภาคี
*สหรัฐจะไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่นในช่วงเวลาที่การเจรจาของทั้งสองฝ่ายกำลังดำเนินอยู่
*สหรัฐจะไม่กดดันญี่ปุ่นให้เรียกเก็บภาษีสินค้าเกษตรต่ำกว่าระดับที่ตกลงไว้ในข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก
*ญี่ปุ่นและสหรัฐจะร่วมมือกับยุโรป ในการจัดการกับพฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีนและประเทศอื่น ๆ
*ปธน.ทรัมป์เน้นย้ำความสำคัญของการค้าในลักษณะที่ต่างตอบแทนกัน ลดยอดขาดดุลการค้ากับญี่ปุ่นและประเทศอื่น ๆ
*นายกอาเบะเน้นย้ำความสำคัญของการค้าที่เสรี เป็นธรรม และเป็นไปตามระเบียบกำกับดูแล
-- นายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เขาจะปรับคณะรัฐมนตรี และแต่งตั้งคณะผู้บริหารพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP ) ในวันที่ 2 ต.ค.นี้ หลังจากที่เขาคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค LDP เป็นสมัยที่ 3 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา