World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 2 ตุลาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday October 2, 2018 08:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) ขานรับข่าวสหรัฐ แคนาดา และเม็กซิโก สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับใหม่ โดยข่าวความคืบหน้าดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นแข็งแกร่งถึง 2.8%

-- นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐเฉลิมฉลองการบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือหรือ NAFTA ฉบับใหม่กับแคนาดาและเม็กซิโก เนื่องจากเป็นชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ที่ถือเป็นการยืนยันกลยุทธ์ของผู้นำสหรัฐที่ใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีต่อประเทศคู่ค้า

ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกข้อตกลงดังกล่าวว่า "เป็นข้อตกลงการค้าสำคัญที่สุดที่สหรัฐเคยลงนามมาจนถึงทุกวันนี้" และคาดการณ์ว่า ข้อตกลงการค้าที่ได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น ข้อตกลงการค้าสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก-แคนาหรือ USMCA นั้น จะผ่านสภาคองเกรสได้อย่างง่ายดายหลังจากที่ตนลงนามรับรองในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน

นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐยังแสดงความเชื่อมั่นว่า ข้อตกลง USMCA จะช่วยสร้างงานจำนวนหลายแสนตำแหน่งในสหรัฐ และจะทำให้เกษตรกรสหรัฐสามารถส่งออกข้าวสาลี สัตว์ปีก ไข่ และผลิตภัณฑ์นมได้มากขึ้น ขณะที่ทำให้ภูมิภาคอเมริกาเหนือเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ และทำให้แรงงานในอุตสาหกรรมรถยนต์มีค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น

-- นายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า การเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้ากับจีนยังคงไม่มีความคืบหน้า แม้ว่าสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าฉบับใหม่กับเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งจะเข้ามาแทนที่ข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ซึ่งถูกใช้มานานกว่า 24 ปี

ต่อข้อซักถามที่ว่า ข้อตกลง USMCA จะบ่งชี้ถึงการทำข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับจีนหรือไม่ นายคุดโลว์กล่าวว่า "ข้อตกลงนี้ถือเป็นการส่งสาส์นที่สำคัญไปยังจีน ขณะที่เรากำลังเจรจาการค้า"

นายคุดโลว์ยอมรับว่า การเจรจากับจีนยังคงไม่มีความคืบหน้า และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีความไม่พอใจต่อสถานการณ์การเจรจาในขณะนี้กับจีน โดยปธน.ทรัมป์อาจพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งจะจัดการประชุมในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.

-- เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวว่า ทางกระทรวงได้ยกเลิกการเดินทางเยือนจีนของนายเจมส์ แมททิส รมว.กลาโหมสหรัฐที่เดิมมีกำหนดเยือนจีนในกลางเดือนนี้ แต่การเดินทางดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไป หลังจากที่รัฐบาลจีนไม่อนุมัติให้เรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก USS Wasp ของสหรัฐ เข้าจอดเทียบท่าที่เกาะฮ่องกงในเดือนนี้

ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนยังคงตึงเครียดจากความขัดแย้งทางการค้า และการแผ่อำนาจของจีนในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญ

-- อาสาสมัครชาวอินโดนีเซียเริ่มฝังศพผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิบนเกาะสุลาเวสีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนแล้วอย่างน้อย 844 คน ท่ามกลางความพยายามของเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ยังคงเร่งทำงานแข่งกับเวลาเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตที่อาจจะยังคงติดอยู่ภายใต้ซากปรักหักพัง แม้จะต้องเผชิญอุปสรรคจากการขาดแคลนอุปกรณ์หนักและพื้นที่ห่างไกลบางแห่งที่ถูกตัดขาด ขณะที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่ายอดผู้เสียชีวิตจากภัยธรรมชาติดังกล่าวจะเพิ่มสูงขึ้นอีกหลังจากนี้

ด้านหน่วยงานภัยพิบัติแห่งชาติของอินโดนีเซียยืนยันกับสำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ ระบุว่า ไม่มีทุ่นลอยตรวจวัดสึนามิของประเทศสักตัวที่ทำงานก่อนหน้าที่คลื่นยักษ์สึนามิจะซัดเข้าถล่มเกาะสุลาเวสี และหน่วยตรวจจับลอยน้ำ 21 แห่งที่เชื่อมเข้ากับเซ็นเซอร์ตรวจจับน้ำลึกได้รับความเสียหายหรือถูกขโมย

แม้จะมีการประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิ แต่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า เจ้าหน้าที่ประเมินระดับคลื่นต่ำกว่าความเป็นจริง นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ผู้คนจำนวนมากในเมืองปาลูไม่ได้รับการแจ้งเตือนภัย เนื่องจากไฟฟ้าถูกตัดขาดจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว และยังไม่มีการติดตั้งสัญญาณเตือนภัยตามแนวชายหาดด้วย

-- ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุไต้ฝุ่น "จ่ามี" ที่พัดถล่มเกาะฮอนชูของญี่ปุ่น เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 4 ราย และบาดเจ็บประมาณ 200 ราย ขณะที่ระบบขนส่งมวลชนในกรุงโตเกียวติดขัดอย่างหนัก

เจ้าหน้าที่กรมอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นรายงานว่า พายุไต้ฝุ่นจ่ามีพัดผ่านพื้นที่ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นและเข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิกตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าวานนี้ โดยพายุเคลื่อนตัวสู่ฝั่งตะวันออกและตอนเหนือของเกาะฮอนชู รวมถึงบริเวณรอบกรุงโตเกียว

พายุไต้ฝุ่นจ่ามี ซึ่งเป็นพายุลูกที่ 24 ในฤดูกาลนี้ ส่งผลให้ภาคขนส่งมวลชนหยุดให้บริการในพื้นที่ตอนกลาง ตะวันออก และตะวันตกของญี่ปุ่น ส่วนการให้บริการในกรุงโตเกียว เป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย

-- ธนาคารเอชเอสบีซีออกรายงานระบุว่า จีนจะเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลกในปี 2573 โดยมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อยู่ที่ระดับ 26 ล้านล้านดอลลาร์ แซงหน้าสหรัฐซึ่งตามมาเป็นอันดับ 2 โดยมีมูลค่า GDP อยู่ที่ระดับ 25.2 ล้านล้านดอลลาร์

รายงานยังระบุว่า อินเดียจะเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกในปี 2573 จากเดิมอยู่ที่อันดับ 7 ขณะที่เยอรมนี และญี่ปุ่นอยู่ในอันดับ 4 และ 5 ตามลำดับ ส่วนสหราชอาณาจักรอยู่ที่อันดับ 6 ตามมาด้วยฝรั่งเศส และบราซิลในอันดับ 7 และ 8 ตามลำดับ

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนส.ค. จากระดับ 0.2% ในเดือนก.ค. โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบรายปี การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐพุ่งขึ้น 6.5% ในเดือนส.ค.

การใช้จ่ายในโครงการก่อสร้างของภาคเอกชนลดลง 0.5% ในเดือนส.ค. หลังจากลดลง 0.2% ในเดือนก.ค. ขณะที่การใช้จ่ายในโครงการที่อยู่อาศัยลดลง 0.7% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. ส่วนการใช้จ่ายในโครงการที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยลดลง 0.2% หลังจากลดลง 0.8% ในเดือนก.ค.

ส่วนการใช้จ่ายในโครงการภาคสาธารณะพุ่งขึ้น 2.0% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2552 หลังจากเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนก.ค. ขณะที่การใช้จ่ายในโครงการของรัฐบาลกลางพุ่งขึ้น 5.9% แตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนก.ค. ส่วนการใช้จ่ายในโครงการของรัฐบาลในมลรัฐ และรัฐบาลท้องถิ่นเพิ่มขึ้น 1.7% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2552 หลังจากเพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนก.ค.

-- ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ร่วงลงสู่ระดับ 59.8 ในเดือนก.ย. โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 60.4 หลังจากแตะระดับ 61.3 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2547

การปรับตัวลงของดัชนี ISM ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และสินค้าคงคลังอย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะขยายตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนก.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. และยอดค้าปลีกเดือนส.ค. ขณะที่ธนาคารกลางออสเตรเลียประชุมนโยบายการเงิน และแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ส่วนทางการญี่ปุ่นจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย. และสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนก.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ฝรั่งเศส, เยอรมนี,และอังกฤษ จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ย.จากมาร์กิต ด้านอียูจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ย.จากมาร์กิตและยอดค้าปลีกเดือนส.ค. ส่วนสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนก.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ