World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 8 ตุลาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 8, 2018 09:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อวันศุกร์ (5 ต.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นแอปเปิล อันเนื่องมาจากความตื่นตระหนกต่อรายงานข่าวที่ว่า จีนแอบฝังชิปคอมพิวเตอร์ในเซิร์ฟเวอร์บริษัทสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,447.05 จุด ร่วงลง 180.43 จุด หรือ -0.68% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,788.45 จุด ลดลง 91.06 จุด หรือ -1.16% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,885.57 จุด ลดลง 16.04 จุด หรือ -0.55%

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 134,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง โดยกระทรวงแรงงานระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่พายุเฮอร์ริเคนฟลอเรนซ์ซึ่งพัดถล่มรัฐนอร์ธและเซาธ์แคโรไลนาในเดือนก.ย. เป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเลขการจ้างงานลดลงในบางภาคอุตสาหกรรม

ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 3.8%

-- ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 1% โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2561

แถลงการณ์ล่าสุดของ PBOC ระบุด้วยว่า จะมีการปล่อยสภาพคล่องเพื่อชำระคืนเงินกู้ระยะกลาง 4.5 แสนล้านหยวน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 15 ต.ค. นอกจากนี้ จะมีการอัดฉีดสภาพคล่องอีก 7.5 แสนล้านหยวนเข้าสู่ตลาด

นอกจานกนี้ ธนาคารกลางจีนระบุว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังคงมีเป้าหมายที่การปรับปรุงโครงสร้างสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์และตลาดการเงิน และเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน

แถลงการณ์ของ PBOC ยังระบุด้วยว่า การลด RRR จะเติมเต็มช่องว่างด้านสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ และจะไม่เป็นการกดดันเงินหยวน เนื่องจากการดำเนินการครั้งนี้ไม่ใช่การผ่อนคลายนโยบายการเงินของประเทศ โดยอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนจะยังคงมีเสถียรภาพในระดับที่สมเหตุสมผลและสมดุล

-- นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ ได้เดินทางเยือนเกาหลีเหนือเมื่อวานนี้ เพื่อเข้าพบนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ โดยนายปอมเปโอทวีตข้อความว่า ตน "มีช่วงเวลาที่ดีในการเดินทางไป #เปียงยาง เพื่อพบกับท่านประธานคิม" รวมทั้งระบุด้วยว่า ข้อตกลงต่างๆ ที่นายคิมและประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทำร่วมกันในระหว่างการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ที่สิงคโปร์ เมื่อเดือนมิ.ย.นั้น มีความคืบหน้า ทั้งนี้ นายปอมเปโอเดินทางไปเข้าพบนายคิมที่กรุงเปียงยาง เพื่อหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับการประชุมซัมมิตครั้งที่สองระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือและปธน.สหรัฐ ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้

-- เบรตต์ คาวานอห์ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกาสหรัฐเรียบร้อยแล้ว หลังจากวุฒิสภาลงมติรับรองด้วยคะแนน 50 ต่อ 48 เสียง ท่ามกลางการประท้วงของประชาชนจำนวนมาก กรณีที่เขาถูกกล่าวหาเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ

นายคาวานอห์ วัย 53 ปี ได้สาบานตนเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาคนที่ 114 ต่อจากนายแอนโทนี เคนเนดี ซึ่งเกษียณอายุในวัย 82 ปี

สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐลงมติรับรองให้นายคาวานอห์เป็นหนึ่งในคณะผู้พิพากษาศาลฎีกาตามที่ประธานาธิบดีทรัมป์เสนอ แม้ว่าจะถูกต่อต้านอย่างหนัก โดยเฉพาะจากกลุ่มสตรี หลังจากที่นายคาวานอห์ถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิงหลายราย โดยในระหว่างการลงคะแนนเสียงนั้น ได้มีประชาชนนับร้อยมารวมตัวประท้วงที่หน้าอาคารรัฐสภาสหรัฐ หรือแคปิตอลฮิลล์ ในกรุงวอชิงตัน ดีซี

-- นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐอาจจะกดดันญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป (EU) ไม่ให้ทำข้อตกลงการค้ากับจีนซึ่งเป็นประเทศที่คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วิพากษ์วิจารณ์ว่า ดำเนินนโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรม

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายรอสส์ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันศุกร์ว่า ในการทำข้อตกลงการค้าในอนาคตร่วมกับประเทศต่างๆ ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่น และ EU นั้น สหรัฐอาจกำหนดเงื่อนไขในการห้ามไม่ให้ประเทศคู่ค้าของสหรัฐทำข้อตกลงการค้ากับจีน เช่นเดียวกับที่คณะทำงานของปธน.ทรัมป์ได้กำหนดไว้ในข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ที่ทำร่วมกันแคนดาและเม็กซิโก

นายรอสส์กล่าวว่า การใช้มาตรการต่อต้านการค้ากับจีนนั้น ถือเป็นความพยายามในการปิดช่องโหว่ในข้อตกลงการค้า โดยมีเป้าหมายที่จะแก้ไขการกระทำของจีนทั้งในด้านการค้า การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา และการอุดหนุนอุตสาหกรรม เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

-- องค์การตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) ได้ออกแถลงการณ์ว่า นายเม่ง หงเว่ย ประธานอินเตอร์โพล ซึ่งได้หายตัวหลังจากเดินทางไปยังจีนเมื่อไม่นานมานี้ ได้ยื่นจดหมายลาออกถึงสำนักเลขาธิการตำรวจสากลแล้วเมื่อวานนี้ โดยมีผลทันที อย่างไรก็ดี แถลงการณ์ดังกล่าวไม่ได้ระบุรายละเอียดเพิ่มเติมถึงเหตุผลในการลาออก

ด้านหนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ ของฮ่องกง รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวไม่ระบุนามว่า นายเม่งถูกทางการจีนควบคุมตัวทันทีที่เขาเดินทางถึงจีน ขณะที่คณะกรรมการตรวจสอบวินัยแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCDI) ได้ออกมายืนยันบนเว็บไซต์ว่า นายเม่งกำลังถูกสอบสวนฐานประพฤติไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่ได้มีการระบุรายละเอียดเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน

ส่วนนางเกรซ เม่ง ผู้เป็นภรรยา ซึ่งได้รับการคุ้มครองจากตำรวจฝรั่งเศสนับตั้งแต่วันที่สามีหายตัวนั้น เชื่อว่าสามีของตนกำลังอยู่ในอันตราย เพราะก่อนหน้านั้น นายเม่ง หงเว่ย ได้ส่งภาพมีดเล่มหนึ่งหาเธอเมื่อวันที่ 25 ก.ย. ก่อนที่เขาจะหายตัวไปและไม่ได้ข่าวคราวนับตั้งแต่นั้น

-- บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป แถลงว่า ทางบริษัทจะเรียกคืนรถยนต์ไฮบริดจำนวน 2.43 ล้านคันทั่วโลก เนื่องจากมีปัญหาในโปรแกรมระบบไฮบริด โดยรถยนต์ที่จะถูกเรียกคืนนั้น เป็นรถยนต์พรีอุสที่ผลิตในช่วงเดือนต.ค.2551 ถึงเดือนพ.ย.2557

จากจำนวนรถยนต์ไฮบริด 2.43 ล้านคันที่จะถูกเรียกคืน จำนวนมากกว่า 1.2 ล้านคันอยู่ในญี่ปุ่น 830,000 คันอยู่ในอเมริกาเหนือ และ 290,000 คันในยุโรป

โตโยต้าเปิดเผยว่า ทางบริษัทตรวจพบ 3 กรณีที่ทำให้รถยนต์ไฮบริดไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ แต่ก็ยังไม่เคยเกิดอุบัติเหตุจากปัญหาระบบขัดข้องดังกล่าว

-- ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนก.ย.ปรับตัวลง 2.27 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 0.7% สู่ระดับ 3.087 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบเป็นรายเดือน

นายหวัง ชุนหยิง โฆษกสำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) ระบุว่า สาเหตุที่ทำให้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศลดลงในเดือนก.ย.นั้น มาจากหลายปัจจัยปัจจัย ซึ่งรวมถึงการแปลงค่าอัตราแลกเปลี่ยน และการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยจีนจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ย.จากไฉซิน และเยอรมนีจะเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนส.ค. ขณะที่ออสเตรเลียจะเปิดเผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนก.ย.จากเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB) และเยอรมนีจะเปิดเผยยอดส่งออก, นำเข้า และดุลการค้าเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ