นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการค้าเสรี พร้อมกับประกาศความพร้อมในการผลักดันระบบการค้าพหุภาคี โดยถ้อยแถลงของนายอาเบะมีขึ้นในที่ประชุมเอเชีย-ยุโรป (ASEM) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม โดยมีผู้นำกว่า 50 ประเทศเข้าร่วมด้วย ซึ่งรวมถึงผู้นำจากกลุ่มประเทศอาเซียน และสหภาพยุโรป (EU)
"ประเทศทั่วโลกต่างก็ใช้นโยบายกีดกันการค้าเป็นวงกว้าง ด้วยเหตุนี้เราจึงจำเป็นที่จะต้องสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎการมีเสรีและยุติธรรม" นายอาเบะกล่าว และยังได้กล่าวถึงความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนว่า "มาตรการคุมเข้มทางการค้าไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศใด"
นายอาเบะยังได้เรียกร้องความร่วมมือในการยกระดับแผน "ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกแบบมีเสรีและเปิดกว้าง" ของญี่ปุ่น ซึ่งแผนการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตั้งแต่ภูมิภาคเอเชียไปจนถึงแอฟริกา ควบคู่ไปกับการส่งเสริมหลักการต่างๆ เช่น หลักนิติธรรม และเสรีภาพในการเดินเรือ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายอาเบะได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของ "ความโปร่งใสและการบริหารจัดการหนี้สินอย่างยั่งยืน" ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อไม่เป็นภาระที่หนักเกินไปสำหรับบางประเทศในเอเชียใต้และแอฟริกาที่ต้องกู้ยืมเงินจากบรรดาประเทศเจ้าหนี้ เช่นจีนเป็นต้น
นอกจากนี้ นายอาเบะยังกล่าวด้วยว่า ญี่ปุ่นจะร่วมมือกับประเทศอื่นๆที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันในการช่วยเหลือด้านการพัฒนา พร้อมกับส่งสัญญาณความพร้อมที่จะร่วมมือกับจีนในการริเริ่มโครงสร้างพื้นฐานข้ามพรมแดนตามโครงการ "One Belt, One Road" ท่ามกลางความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและจีนที่เป็นไปในทางที่ดีขึ้น