World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 25 ตุลาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 25, 2018 09:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง 608.01 จุด หรือ 2.41% เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากมีรายงานว่ายอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐร่วงลงติดต่อกัน 4 เดือน รวมทั้งรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้า

ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 329.14 จุด หรือ 4.43% เนื่องจากแรงขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงบริษัทเท็กซัส อินสตรูเมนท์ ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐ ที่เปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท

-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจในเขตส่วนใหญ่มีการขยายตัวเล็กน้อยจนถึงปานกลาง แม้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการการค้าและภาวะขาดแคลนแรงงานได้สร้างแรงกดดันต่อบริษัทเอกชน

รายงานระบุว่า เฟดหลายเขตรายงานว่า บริษัทเอกชนเผชิญกับต้นทุนวัตถุดิบและการขนส่งทางเรือที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมด้านการค้า รวมทั้งความยากลำบากในการขาดคนงานที่มีคุณสมบัติ

รายงาน Beige Book ยังระบุว่า โดยทั่วไปแล้วบริษัทเอกชนไม่ได้แก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานด้วยการปรับขึ้นค่าจ้างอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีบริษัทบางแห่งเสนอการจ่ายเงินโบนัส ปรับชั่วโมงการทำงาน และให้วันหยุดพักร้อนเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับพนักงาน

-- สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เปิดเผยว่า มีผู้ส่งวัตถุระเบิดไปยังอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาที่กรุงวอชิงตัน ดีซี รวมทั้งมีการส่งไปยังบ้านพักของนางฮิลลารี คลินตัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐ ในนิวยอร์ก และอาคารไทม์ วอเนอร์ เซ็นเตอร์ในแมนฮัตตัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของสำนักข่าว CNN

เจ้าหน้าที่ระบุว่า พัสดุที่มีการส่งไปยังนายโอบามาได้ถูกตรวจพบโดยเจ้าหน้าที่ของทางสำนักงานในกรุงวอชิงตัน ดีซีในช่วงเช้าวันนี้ ในระหว่างการคัดกรองเอกสารและพัสดุ โดยนายโอบามาไม่ได้เปิดรับพัสดุดังกล่าว และไม่มีความเสี่ยงแต่อย่างใด

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้สั่งอพยพประชาชนออกจากอาคารไทม์ วอร์เนอร์ในกรุงนิวยอร์ก ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของ CNN โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานสืบราชการลับได้เริ่มทำการสอบสวนเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น และจะระดมเจ้าหน้าที่จากทุกภาคส่วนในการค้นหาที่มาของพัสดุต้องสงสัย และจะเปิดเผยตัวผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

--- สื่อต่างประเทศรายงานว่า กองทุน CM Fengqing Flexible Allocation Fund และ E Fund Ruihui Flexible Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ได้เทขายหุ้นและพันธบัตรในพอร์ตทั้งหมดเมื่อไตรมาสสามที่ผ่านมา โดยเหลือไว้เพียงแค่เงินฝากธนาคารและสินทรัพย์ไม่ทราบประเภทบางส่วนเท่านั้น

แถลงการณ์จากทั้งสองกองทุนระบุว่า การขายสินทรัพย์ครั้งนี้ส่งผลให้สินทรัพย์ของทั้งสองกองทุนนั้นลดลงแตะ 296 ล้านหยวน ณ สิ้นสุดไตรมาสสาม ซึ่งลดลงอย่างมากจาก 3.14 หมื่นล้านหยวน ณ สิ้นสุดไตรมาสสอง อย่างไรก็ดี ทางกองทุนไม่ได้ออกมาชี้แจงเหตุผลในการขายสินทรัพย์ดังกล่าว

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวประณามเหตุการณ์ที่มีผู้ส่งพัสดุบรรจุวัตถุระเบิดไปยังสมาชิกพรรคเดโมแครตหลายคนเมื่อวานนนี้ โดยกล่าวว่า ภัยคุกคามจากการก่อความรุนแรงทางการเมืองจะต้องไม่เกิดขึ้นในสหรัฐ

"การกระทำความรุนแรงเช่นนี้ถือเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ" ปธน.ทรัมป์กล่าว

ด้านนายบิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก กล่าวว่า การส่งพัสดุบรรจุวัตถุระเบิดไปยังอาคารไทม์ วอเนอร์ เซ็นเตอร์ในแมนฮัตตัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของสำนักข่าว CNN ถือเป็นการก่อการร้าย

"การบ่อนทำลายเสรีภาพของสื่อ และการกระทำความรุนแรงต่อบรรดาผู้นำของสหรัฐ ถือเป็นการก่อการร้ายอย่างชัดเจน" นายเดอ บลาซิโอ กล่าว

-- บริษัทโบอิ้งเปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไร และรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ทั้งนี้ โบอิ้งเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรที่ระดับ 3.58 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่มีรายได้ 2.515 หมื่นล้านดอลลาร์

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า บริษัทจะมีกำไรที่ระดับ 3.47 ดอลลาร์/หุ้น และมีรายได้ 2.397 หมื่นล้านดอลลาร์

-- ประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี แห่งอิหร่าน กล่าวโจมตีสหรัฐว่าเป็นผู้สนับสนุนการสังหารนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวซาอุดีอาระเบีย

"ผมไม่คิดว่าจะมีประเทศไหนกล้าก่อคดีนี้ขึ้น หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ" นายรูฮานีกล่าว

"ซาอุดีอาระเบียทำสิ่งนี้โดยอาศัยชาติมหาอำนาจ และไม่ยอมให้ศาลระหว่างประเทศออกมาตรการลงโทษ" เขากล่าว

-- บริษัทยูไนเต็ด พาร์เซิล เซอร์วิส (UPS) ซึ่งเป็นบริษัทรับส่งพัสดุภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก รายงานตัวเลขกำไรพุ่งขึ้น 20% ในไตรมาส 3 โดยได้ปัจจัยหนุนจากมาตรการปรับลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และความคึกคักของธุรกิจออนไลน์

ทั้งนี้ UPS เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไร 1.51 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.73 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 3 จากระดับ 1.26 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.44 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว

นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 8% สู่ระดับ 1.744 หมื่นล้านดอลลาร์

-- ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.8 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน หลังจากแตะระดับ 53.9 ในเดือนก.ย.

ทั้งนี้ ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า กิจกรรมในภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของการจ้างงาน และคำสั่งซื้อใหม่

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ โดยเกาหลีใต้เตรียมเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ขณะที่เยอรมนีเตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนต.ค.จากสถาบัน Ifo และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ทางด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย. และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ