World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 5 พฤศจิกายน 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 5, 2018 08:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเป็นวันแรกในรอบสี่วันเมื่อวันศุกร์ โดยถูกกระทบจากการทรุดตัวลงของราคาหุ้นแอปเปิล อิงค์ รวมทั้งการที่นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่กระทรวงแรงงานเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่ง และค่าจ้างรายชั่วโมงพุ่งขึ้นทะลุ 3% ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่สหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ภายหลังเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวออกมาปฏิเสธรายงานข่าวของสำนักข่าวบลูมเบิร์กที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการร่างข้อตกลงการค้ากับจีน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,270.83 จุด ลดลง 109.91 จุด หรือ -0.43% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,723.06 จุด ลดลง 17.31 จุด หรือ -0.63% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,356.99 จุด ลดลง 77.06 จุด หรือ -1.04%

-- นายแลร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่ได้สั่งการให้คณะรัฐมนตรีร่างข้อตกลงการค้ากับจีนแต่อย่างใด

นายคุดโลว์กล่าว หลังจากที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการร่างข้อตกลงการค้ากับจีนแล้ว ก่อนที่ปธน.ทรัมป์มีกำหนดพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงนอกรอบการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรสของอาร์เจนตินา โดยการประชุม G20 มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ระดับสูงอีก 3 รายในรัฐบาลของปธน.ทรัมป์ก็ได้กล่าวว่า ไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่าสหรัฐใกล้บรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน

-- ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงความเชื่อมั่นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐจะบรรลุข้อตกลงการค้าที่เป็นธรรมกับจีนได้ ระบุจีนต้องการอย่างมากที่จะทำข้อตกลงกับสหรัฐ

"เรากำลังใกล้มากแล้วที่จะได้ทำบางสิ่ง พวกเขาต้องการอย่างมากที่จะทำข้อตกลง" ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว หนึ่งวันหลังจากที่เขาได้โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน

ทรัมป์เผยว่า เขามีแผนที่จะพบปะและรับประทานอาหารค่ำร่วมกับผู้นำจีน นอกรอบการประชุมสุดยอด G20 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค. ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา

"ผมคิดว่าเราจะทำข้อตกลงกับจีนได้ ผมคิดว่ามันจะเป็นข้อตกลงที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย และจะเป็นข้อตกลงที่ดีสำหรับสหรัฐอเมริกา" ทรัมป์กล่าว

-- ตลาดการเงินจับตานายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุม "China International Import Expo (CIIE)" ที่นครเซี่ยงไฮ้ในวันนี้ โดยตลาดคาดหวังว่าประธานาธิบดีสีจะใช้เวทีดังกล่าวในการชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการเจรจาการค้ากับสหรัฐ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า สหรัฐจะบรรลุข้อตกลงการค้าที่เป็นธรรมกับจีนได้

ปธน.ทรัมป์ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ว่า สหรัฐจะบรรลุข้อตกลงการค้าที่เป็นธรรมกับจีนได้ และยังกล่าวด้วยว่า จีนเองก็ต้องการที่จะทำข้อตกลงกับสหรัฐเช่นกัน

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์เผยว่า เขามีแผนที่จะพบปะและรับประทานอาหารค่ำร่วมกับผู้นำจีน นอกรอบการประชุมสุดยอด G20 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค. ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา

ทั้งนี้ จีนกำลังถูกกดันอย่างหนักจากปธน.ทรัมป์และประเทศต่างๆ ให้ปรับลดยอดเกินดุลการค้ากับประเทศต่างๆทั่วโลกซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 4.23 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ปธน.สีได้ให้คำมั่นว่า จีนจะนำข้าสินค้าจากต่างประเทศมูลค่า 24 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงกว่า 10 ปีข้างหน้านี้

-- บรรดาผู้บริหารภาคธุรกิจกว่า 70 รายได้ลงนามในจดหมายถึงซันเดย์ ไทม์ส เพื่อเรียกร้องให้มีการจัดการลงคะแนนเสียงเรื่องข้อตกลงในการถอนตัวจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ของอังกฤษ (Brexit)

ข้อเรียกร้องดังกล่าวต้องการให้มีการจัดลงคะแนนเสียงว่า จะยอมรับในเงื่อนไขต่างๆของการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปหรือไม่ โดยตั้งชื่อกลุ่มว่า Business for a People's Vote

ประธานบริษัทวอเตอร์สโตนส์ กล่าวว่า การถอนตัวอย่างแข็งกร้าวมีแต่จะสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจของอังกฤษ

-- ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศปรับตัวลงในเดือนต.ค. เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐส่งผลให้สินทรัพย์ในสกุลเงินอื่นๆที่ไม่ใช่ดอลลาร์ ปรับตัวลดลง

ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเกาหลีใต้ ณ สิ้นเดือนต.ค. อยู่ที่ระดับ 4.0275 แสนล้านดอลลาร์ ลดลง 250 ล้านดอลลาร์ จากเดือนก.ย.ซึ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.03 แสนล้านดอลลาร์

ธนาคารกลางเกาหลีใต้ระบุว่า สาเหตุที่ทำให้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศปรับตัวลดลงในเดือนต.ค.นั้น เนื่องมาการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐส่งผลให้สินทรัพย์ในสกุลเงินอื่นๆที่ไม่ใช่ดอลลาร์ ปรับตัวลดลง โดยในเดือนต.ค. ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 2.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน

-- ประชาชนในหมู่เกาะนิวแคลิโดเนีย ซึ่งเป็นดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศสในมหาสมุทรแปซิฟิก ได้ลงมติไม่แยกตัวออกจากฝรั่งเศส ในการลงประชามติเมื่อวานนี้

สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างสื่อท้องถิ่นว่า ผลการนับคะแนนสูสีกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ โดยประชาชนชาวนิวแคลิโดเนียที่ไม่ต้องการแยกตัวจากฝรั่งเศสมีสัดส่วน 57% สูงกว่าประชาชนที่ต้องการแยกตัวซึ่งมีสัดส่วน 43%

ทั้งนี้ คาดว่าการประกาศผลการลงประชามติอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในวันนี้

-- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 18-19 ก.ย. โดยระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงขยายตัวปานกลางในระดับที่น่าพอใจ พร้อมคาดการณ์ว่า อุปสงค์ในประเทศน่าจะยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อน่าจะยังคงขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนแตะเป้าหมาย 2% ในท้ายที่สุด

รายงานระบุว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นควรใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป เพื่อให้เงินเฟ้อขยายตัวแตะ 2% ตามเป้าหมาย แม้จะต้องใช้เวลากว่าจะขยายตัวแตะเป้าหมายดังกล่าวก็ตาม

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่อาจกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นนั้นมีทั้งนโยบายการค้าของสหรัฐ ผลกระทบจากการที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) การอ่อนค่าของสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่ และข้อพิพาททางการค้าระหว่างประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างสหรัฐกับจีน

สำหรับการประชุม BOJ เมื่อวันที่ 18-19 ก.ย. ที่ผ่านมานั้น ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีมติคงอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งสัญญาณชี้นำล่วงหน้า (Forward guidance) และเป้าหมายผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ โดยอินโดนีเซียเตรียมเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ขณะที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนต.ค.จากมาร์กิต และดัชนีภาคบริการเดือนต.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลียประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ขณะที่มาร์กิตจะเปิดเผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนต.ค.ของฝรั่งเศส เยอรมนี และยูโรซน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ