World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 21 พฤศจิกายน 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 21, 2018 10:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง 551.80 จุด หรือ -2.21% เมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 6% นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นแอปเปิลที่ทรุดตัวลงเกือบ 5% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคำสั่งผลิต iPhone ใหม่ 3 รุ่น ขณะที่ผลประกอบการอันย่ำแย่ของบริษัททาร์เก็ต และโคห์ล คอร์ป ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ได้ฉุดหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงด้วยเช่นกัน

-- ทางการสหรัฐกล่าวหาจีนว่ายังคงขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยีจากบริษัทอเมริกัน ในขณะที่ทั้งสองประเทศซึ่งมีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก กำลังดำเนินมาตรการตอบโต้ทางการค้าซึ่งกันและกัน

ข้อกล่าวหาดังกล่าวระบุอยู่ในรายงานความยาว 25 หน้าของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ที่เผยแพร่ออกมาเพียงไม่ถึง 10 วัน ก่อนหน้าที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐมีกำหนดพบปะหารือกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน นอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G20 ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายนถึง 1 ธันวาคมนี้

ในรายงานที่ทางการสหรัฐเผยแพร่ออกมาเมื่อวานนี้ระบุว่า "จีนไม่เคยเปลี่ยนแปลงนโยบายและการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายโอนเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงเรื่องของทรัพย์สินทางปัญหาเลย และดูเหมือนว่ายังคงมีการกระทำที่ไม่สมควรเกิดขึ้นอยู่เสมอตลอดระยะเวลาหลายเดือนมานี้"

รายงานยังระบุด้วยว่า มีการคุกคามทางไซเบอร์เกิดขึ้นกับบริษัทของสหรัฐมาโดยตลอดและเหมือนจะมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

--หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์ส รายงานเมื่อวานนี้ว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลของจีนได้ตรวจพบ "หลักฐานจำนวนมาก" ที่บ่งชี้ถึงพฤติกรรมกีดกันการแข่งขันของบริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์, เอสเค ไฮนิกซ์ และไมครอน เทคโนโลยี ซึ่งเป็นผู้ผลิตเมมโมรีชิปรายใหญ่ของสหรัฐ

เจ้าหน้าที่จีนเปิดเผยว่า ทางการจีนมีความคืบหน้าครั้งสำคัญในการตรวจสอบการกำหนดราคา ขณะที่บางส่วนเปิดเผยว่า จีนอาจใช้กรณีของไมครอนเป็นเครื่องมือในการต่อรองเมื่อทำการเจรจาการค้ากับสหรัฐ

-- นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษเตือนว่า การที่อังกฤษออกจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลงใดๆ (No Deal Brexit) นั้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจอังกฤษเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรง

รายงานระบุว่าภาคเอกชนของอังกฤษได้เริ่มวางแผนรับมือในกรณีที่อังกฤษและสหภาพยุโรปประสบความล้มเหลวในการทำข้อตกลง Brexit

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ยังคงพยายามอย่างหนักที่จะโน้มน้าวให้รัฐสภาอังกฤษสนับสนุนร่างข้อตกลง Brexit ที่รัฐบาลได้ทำไว้ EU เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

-- นายแลร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า การปฏิรูปภาษีสหรัฐในขั้นต่อไปจะไม่เกิดขึ้นภายในปีนี้

นายคุดโลว์กล่าวว่า จะมีการยื่นมาตรการปฏิรูปภาษีในขั้นตอนต่อไปเข้าสู่การพิจารณาของสภาคองเกรสชุดใหม่ในเดือนม.ค.ปีหน้า ถึงแม้ว่าพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกมาเปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังเตรียมเปิดเผยแผนการปรับลดอัตราภาษี 10% สำหรับชนชั้นกลางก่อนการเลือกตั้งสภาคองเกรสในวันที่ 6 พ.ย.

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ แถลงที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ว่า ซาอุดีอาระเบียยังคงเป็นพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ของสหรัฐ อันจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ของสหรัฐ รวมทั้งอิสราเอล และประเทศพันธมิตรชาติอื่นๆในภูมิภาค

ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย เป็นผู้สั่งการให้สังหารนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวซาอุดีอาระเบียนั้น ปธน.ทรัมป์มีท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้ โดยกล่าวว่า "เจ้าชายโมฮัมเหม็ดทรงทราบถึงเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นครั้งนี้ พระองค์อาจจะทำ หรือไม่ได้ทำก็ได้" โดยท่าทีดังกล่าวถือเป็นการส่งสัญญาณว่า ปธน.ทรัมป์อาจจะไม่ใช้มาตรการลงโทษซาอุดีอาระเบียในกรณีการฆาตกรรมนายคาช็อกกี

ถ้อยแถลงดังกล่าวของปธน.ทรัมป์เป็นหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ทรุดตัวลงกว่า 6% เมื่อคืนนี้

-- โกลด์แมน แซคส์ออกรายงานทิศทางการลงทุนประจำปี 2562 โดยแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มการถือครองเงินสด ขณะที่การลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยงสูง และให้ผลตอบแทนไม่มากนัก ท่ามกลางแรงกดดันจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์แนะนำให้นักลงทุนทั่วไป, กองทุนรวม และกองทุนบำนาญเพิ่มการถือครองเงินสด โดยเงินสดจะเป็นสินทรัพย์ที่สามารถแข่งขันกับหุ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ยังแนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้น defensive ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มปลอดภัย มีปัจจัยพื้นฐานดี และราคาปรับตัวไม่หวือหวา ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ

-- บิตคอยน์ร่วงลงอย่างต่อเนื่องใกล้หลุดระดับ 4,200 ดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.ปีที่แล้ว โดยทรุดตัวไปแล้วมากกว่า 65% ในปีนี้ พร้อมกับการร่วงลงในวงกว้างของสกุลเงินดิจิทัล

นักวิเคราะห์ระบุว่า แรงเทขายของบิตคอยน์ในระยะนี้เกิดจากปัจจัยทางเทคนิค และคำสั่งขายตัดขาดทุน หลังจากที่บิตคอยน์ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 6,000 ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์บางรายยังระบุว่า การดิ่งลงของบิตคอยน์เกิดจากการที่สกุลเงินบิตคอยน์ แคช ได้มีการแตกตัวออกเป็นสกุลเงิน"บิตคอยน์ เอบีซี" และ"บิตคอยน์ เอสวี" ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งได้เพิ่มความไม่แน่นอนต่อตลาดสกุลเงินดิจิทัล

ขณะเดียวกัน บิตคอยน์ยังถูกกดดันจากการที่นายเบนัวต์ โคเออร์ สมาชิกคณะกรรมการธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวเตือนว่า บิตคอยน์เป็นการรวมตัวกันของภาวะฟองสบู่, กลโกงแบบแชร์ลูกโซ่ และเป็นหายนะด้านสิ่งแวดล้อม

-- สหรัฐเตรียมเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค. รวมถึงสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ จะมีการเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค.ของญี่ปุ่น และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนพ.ย.ของอียู


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ